เวอไรซันจับมือเอนวิเดียพัฒนา 5G+AI ยกระดับสมาร์ทโฟนสู่อนาคต

Verizon-Nvidia 5G-AI fusion promises smartphone revolution

เทคโนโลยี 5G ผสานกับ AI กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนของเราอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน! Verizon และ Nvidia ได้จับมือกันพัฒนาแพลตฟอร์ม 5G ส่วนตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถนำ AI มาใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการโทรคมนาคมครั้งใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วไปอย่างเราๆ ในอนาคตอันใกล้

ความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง Verizon และ Nvidia

Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำของสหรัฐฯ ได้ร่วมมือกับ Nvidia ยักษ์ใหญ่ด้านการประมวลผลกราฟิกและ AI เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม 5G ส่วนตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถนำ AI มาใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

แพลตฟอร์มนี้จะผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน โดยนำเอาเครือข่าย 5G ส่วนตัวและความสามารถด้าน Mobile Edge Compute (MEC) ของ Verizon มาผนวกกับซอฟต์แวร์ AI Enterprise และไมโครเซอร์วิส NIM ของ Nvidia

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งาน AI ที่ต้องการ:

  • ความหน่วงต่ำ (Low latency)
  • ความปลอดภัยสูง
  • แบนด์วิดธ์ขนาดใหญ่

ทำให้สามารถประมวลผล AI ได้แบบเรียลไทม์ ณ จุดที่ต้องการใช้งาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจที่ต้องการนำ AI มาใช้งานในองค์กร

“เรากำลังใช้จุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของเครือข่ายของเรา รวมถึงเครือข่ายส่วนตัวและความเป็นผู้นำระดับโลกของ Verizon ในด้าน private MEC ผสานกับความสามารถด้านการประมวลผล AI ของ NVIDIA เพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน AI แบบเรียลไทม์ที่ต้องการความปลอดภัย ความหน่วงต่ำมาก และแบนด์วิดธ์สูง” – Srini Kalapala รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ Verizon กล่าว

รายละเอียดทางเทคนิค

แพลตฟอร์มใหม่นี้มีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายประการ:

  • ออกแบบมาให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถสร้างแอพและบริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • มีโครงสร้างที่ยืดหยุ่น รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
  • สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของแต่ละองค์กร
  • ให้บริการได้ทั้งแบบระยะไกลผ่านตัวเลือกเครือข่ายแบบพกพา หรือติดตั้งถาวรในสถานที่ด้วยเครือข่ายส่วนตัว

การใช้งานที่หลากหลาย

แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น:

  • Generative AI สำหรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่และโมเดลวิชั่น
  • การสตรีมวิดีโอ
  • การจัดการการออกอากาศ
  • Computer vision
  • เทคโนโลยี AR, VR และ XR
  • ยานพาหนะและหุ่นยนต์อัตโนมัติ

ผลกระทบต่อผู้บริโภคทั่วไป

แม้ว่าในตอนนี้แพลตฟอร์มนี้จะเน้นไปที่การใช้งานในภาคธุรกิจ แต่ในอนาคตอันใกล้ ผู้บริโภคทั่วไปอย่างเราๆ ก็อาจได้รับประโยชน์จากการพัฒนานี้เช่นกัน เช่น:

  • เครือข่าย 5G ที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
  • แอพพลิเคชันและบริการที่ฉลาดขึ้น ตอบสนองความต้องการได้ดียิ่งขึ้น
  • ประสบการณ์ AR/VR ที่สมจริงและลื่นไหลมากขึ้น
  • การเรนเดอร์ภาพและวิดีโอที่รวดเร็วขึ้น
  • เกมมือถือที่มีคุณภาพสูงขึ้น
  • การโต้ตอบกับ AI ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

Verizon คาดว่าจะเริ่มสาธิตการทำงานของโซลูชันนี้ในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการนำ AI มาใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี 5G อย่างเต็มรูปแบบ เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าความร่วมมือครั้งนี้จะนำมาซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรบ้างในอนาคต

Facebook Comments Box

Leave a Reply