สหรัฐเพิ่มแรงกดดัน หวังปิดทางหัวเว่ยเข้าถึงเทคโนโลยีชิปขั้นสูง

สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ล่าสุดสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้มีการคว่ำบาตร Huawei และซัพพลายเออร์ของบริษัทเพิ่มเติม เพื่อจำกัดความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีชิปขั้นสูงของจีน

สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดัน Huawei และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน

ย้อนกลับไปในปี 2020 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ออกกฎระเบียบใหม่เพื่อห้ามไม่ให้ Huawei สามารถเข้าถึงชิปประสิทธิภาพสูงจากโรงงานผลิตที่ใช้เทคโนโลยีของอเมริกา นอกจากนี้ยังมีการห้ามบริษัท ASML ของเนเธอร์แลนด์ขายเครื่องจักรลิโธกราฟีคลื่นอัลตราไวโอเลต (EUV) ให้กับโรงงานผลิตชิปของจีนอีกด้วย

มาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ Huawei ทำให้บริษัทต้องใช้ชิป Snapdragon รุ่นเก่าในสมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง P50, Mate 50 และ P60 โดยชิปเหล่านี้ยังถูกปรับแต่งให้ไม่สามารถรองรับ 5G ได้อีกด้วย

SMIC สร้างความประหลาดใจด้วยชิป Kirin 9000s

อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้ว SMIC ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีนได้สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ ด้วยการผลิตชิปประมวลผล Kirin 9000s สำหรับ Huawei โดยใช้กระบวนการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร แม้จะไม่สามารถเทียบชั้นกับชิป A17 Pro ขนาด 3 นาโนเมตรของ Apple หรือ Snapdragon 8 Gen 3 ขนาด 4 นาโนเมตร แต่ก็ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน

สหรัฐฯ เตรียมคว่ำบาตรเพิ่มเติม

ความสำเร็จของ SMIC และ Huawei ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ต้องยกเลิกใบอนุญาตที่เคยให้กับ Qualcomm ในการจำหน่ายชิป Snapdragon รุ่น 4G ให้กับ Huawei พร้อมทั้งพิจารณาเพิ่มบทลงโทษต่อซัพพลายเออร์รายอื่นๆ ของ Huawei ในสหรัฐฯ อีกด้วย

“เราต้องดำเนินการต่อไปเพื่อปฏิเสธไม่ให้ Huawei และบริษัทที่คล้ายคลึงกัน สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้” – จดหมายจากสมาชิกสภาคองเกรสถึงรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์

สมาชิกสภาคองเกรสชั้นนำจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ Gina Raimondo เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพิ่มเติม โดยระบุว่าการไม่สามารถปิดกั้น Huawei จากการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ จะเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ

ความกังวลหลักของสหรัฐฯ

แม้จีนจะกล่าวหาว่าสหรัฐฯ “ขยายขอบเขตของความมั่นคงแห่งชาติมากเกินไป” แต่เป้าหมายหลักของมาตรการเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่การทำลาย Huawei เท่านั้น แต่เป็นความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้จีนสามารถผลิตชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับใช้ในกองทัพได้

ในขณะที่จีนกำลังพยายามอย่างหนักที่จะพึ่งพาตนเองในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ สหรัฐฯ ก็มีความมุ่งมั่นไม่แพ้กันที่จะขัดขวางความพยายามดังกล่าว สงครามทางเทคโนโลยีระหว่างสองมหาอำนาจนี้จึงยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้