iPhone อาจขึ้นราคาพรวด! สงครามภาษีสหรัฐฯ กระทบยอดขายแอปเปิล

Tariffs threaten Apple's iPhone pricing streak

สมาร์ทโฟนยอดนิยมอย่าง iPhone อาจมีราคาแพงขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างจีน เวียดนาม และอินเดีย ส่งผลให้มีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศเหล่านี้ ซึ่งรวมถึง iPhone ด้วย

ผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้า

ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% จากเวียดนาม 46% และจากอินเดีย 27% ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ iPhone ที่ผลิตในประเทศเหล่านี้และนำเข้ามาจำหน่ายในสหรัฐฯ

จากรายงานของ UBS Investment Research ระบุว่า:

  • iPhone ที่ผลิตในจีนอาจมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 29%
  • iPhone 16 Pro Max รุ่นเริ่มต้นอาจมีราคาสูงถึง 1,549 ดอลลาร์ จากเดิม 1,199 ดอลลาร์
  • iPhone ที่ผลิตในอินเดียอาจมีราคาเพิ่มขึ้น 12% เท่านั้น

ผลกระทบต่อนโยบายราคาของ Apple

การขึ้นภาษีครั้งนี้อาจทำให้ Apple ต้องเปลี่ยนนโยบายราคา iPhone ที่มักจะคงที่ในทุกรุ่นที่ออกใหม่ เนื่องจากไม่สามารถรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด และอาจต้องผลักภาระไปยังผู้บริโภค

ตารางแสดงราคา iPhone รุ่นล่าสุดและราคาที่อาจเพิ่มขึ้นหลังจากการขึ้นภาษี 29%:

รุ่น iPhoneราคาเปิดตัวราคาหลังขึ้นภาษี
iPhone 16 Pro Max 256GB$1,199~$1,559
iPhone 16 Pro 128GB$999~$1,299
iPhone 16 Plus 128GB$899~$1,169
iPhone 16 128GB$799~$1,039
iPhone 16e 128GB$599~$779

ทางเลือกของ Apple

Apple มีทางเลือกไม่มากนักในการรับมือกับสถานการณ์นี้:

  1. ย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐฯ – แต่อาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมากและราคา iPhone อาจพุ่งสูงถึง 3,500 ดอลลาร์ต่อเครื่อง
  2. กระจายการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ มากขึ้น – เช่น เพิ่มกำลังการผลิตในอินเดียเพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าจากจีน
  3. ปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น – ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและส่วนแบ่งการตลาด

“การพูดว่าเราสามารถย้ายการผลิตมายังสหรัฐฯ ได้ง่ายๆ นั้น เป็นการมองข้ามความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานในเอเชียที่พัฒนามาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา” – Dan Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush

ไม่ว่า Apple จะเลือกทางใด ยุคแห่งราคา iPhone ที่คาดเดาได้ง่ายกำลังจะสิ้นสุดลง และผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับราคาที่สูงขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

Facebook Comments Box

Leave a Reply