สุดยอด! T-Mobile ทำลายสถิติโลกด้านความเร็วอัปโหลด 5G ได้สำเร็จแล้ว ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 2.2 Gbps บนเครือข่าย 5G SA (Standalone) ของตัวเอง นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเทคโนโลยี 5G ที่จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคอย่างมาก
เครือข่าย 5G SA นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ 5G โดยเฉพาะ ต่างจากเครือข่าย 4G LTE เดิมที่ถูกอัปเกรดมาเป็น 5G ทำให้สามารถให้บริการได้เร็วกว่า มีความหน่วงต่ำ และรองรับผู้ใช้งานได้มากกว่า
เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำลายสถิติ
T-Mobile ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า New Radio Dual Connectivity (5G DC) ในการทดสอบครั้งนี้ โดยเป็นการรวมคลื่นความถี่ย่านกลาง 2.5 GHz เข้ากับคลื่นย่านสูง mmWave ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลได้อย่างมาก
ที่สำคัญคือ T-Mobile สามารถจัดสรรทรัพยากรคลื่นความถี่ย่านสูงสำหรับการอัปโหลดได้ถึง 60% ซึ่งมากกว่าการทดสอบครั้งก่อนๆ ที่จัดสรรได้เพียง 20% เท่านั้น
สถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
การทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นที่สนามกีฬา SoFi Stadium ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ โดยใช้อุปกรณ์ดังนี้:
- เทคโนโลยี 5G DC จาก Ericsson
- สมาร์ทโฟนทดสอบที่ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon X80 5G Modem-RF System
ความสำคัญของความเร็วอัปโหลด
แม้ว่าผู้ใช้ทั่วไปจะคุ้นเคยกับความเร็วดาวน์โหลดมากกว่า แต่ความเร็วอัปโหลดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมต่างๆ เช่น:
- การถ่ายทอดสดจากงานอีเวนท์ขนาดใหญ่
- การเล่นเกมมือถือแบบออนไลน์
- การอัปโหลดวิดีโอคุณภาพสูงในเวลาจริง
ความเร็วอัปโหลดที่สูงขึ้นนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ประสบการณ์จากงานอีเวนท์ขนาดใหญ่ได้อย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีผู้ใช้งานจำนวนมากพร้อมกันก็ตาม
ความเห็นจากผู้บริหาร T-Mobile
“ด้วย 5G DC, T-Mobile กำลังผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นในสถานที่ที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกค้าของเรา ความสำเร็จนี้เป็นพยานถึงเครือข่ายที่เราได้สร้างขึ้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมา และความสามารถของเราในการส่งมอบศักยภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งขยายไปไกลกว่าอุปกรณ์ในกระเป๋าของเรา” – Ulf Ewaldsson, ประธานฝ่ายเทคโนโลยี, T-Mobile
สรุป
การทดสอบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเครือข่าย 5G ในอนาคต ที่จะสามารถรองรับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น เช่น สนามกีฬาหรืองานคอนเสิร์ต
T-Mobile ยังคงเป็นผู้นำด้าน 5G ในสหรัฐอเมริกา โดยเครือข่ายของบริษัทครอบคลุมประชากรกว่า 330 ล้านคน บนพื้นที่กว่า 2 ล้านตารางไมล์ และมีผู้ใช้บริการ Ultra Capacity 5G กว่า 300 ล้านคนทั่วประเทศ
ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของวงการโทรคมนาคม ที่จะนำไปสู่นวัตกรรมและบริการใหม่ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอนค่ะ