สาวกเทคโนโลยีทั้งหลายต้องตาลุกวาวแน่นอน! เมื่อยักษ์ใหญ่วงการโทรคมนาคมอย่าง T-Mobile กำลังจะได้เป็นเจ้าของ UScellular ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 5 ของสหรัฐฯ ในมูลค่ามหาศาลถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ดูเหมือนว่าทาง UScellular จะมีผลประกอบการที่ไม่ค่อยสวยงามนักในไตรมาสแรกของปีนี้ มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ยอดผู้ใช้บริการ UScellular ร่วงหนัก สูญเสียลูกค้าแบบรายเดือนกว่า 39,000 ราย
UScellular รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ออกมาแล้ว และตัวเลขไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่นัก โดยบริษัทสูญเสียลูกค้าแบบรายเดือน (postpaid) ไปถึง 39,000 ราย ทำให้ยอดรวมลูกค้าแบบรายเดือนลดลงเหลือ 3,946,000 ราย
ลูกค้าแบบรายเดือนถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ เนื่องจาก:
- มีแนวโน้มที่จะอยู่กับผู้ให้บริการรายเดิมนานกว่า
- สร้างรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) ที่สูงกว่า
- มีโอกาสในการขายบริการเสริมได้มากกว่า
การสูญเสียลูกค้ากลุ่มนี้จำนวนมากจึงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักสำหรับ UScellular
รายได้ลดลง แต่กำไรสุทธิทรงตัว
นอกจากยอดผู้ใช้บริการที่ลดลงแล้ว รายได้รวมของ UScellular ในไตรมาสแรกก็ลดลงด้วยเช่นกัน โดยอยู่ที่ 891 ล้านดอลลาร์ ลดลง 59 ล้านดอลลาร์หรือ 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของบริษัทยังคงทรงตัวอยู่ที่ 18 ล้านดอลลาร์ หรือ 21 เซนต์ต่อหุ้น ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกของปี 2024 ที่มีกำไรสุทธิ 18 ล้านดอลลาร์ หรือ 20 เซนต์ต่อหุ้น
จุดสว่างของ UScellular: รายได้จากการให้เช่าเสาสัญญาณเพิ่มขึ้น 6%
แม้ภาพรวมจะไม่ค่อยสดใส แต่ UScellular ก็มีจุดสว่างอยู่บ้าง นั่นคือรายได้จากการให้บริษัทอื่นเช่าเสาสัญญาณเพิ่มขึ้นถึง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
“ผมรู้สึกยินดีกับการเติบโตของรายได้จากการให้เช่าเสาสัญญาณที่เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทีมงานของเรายังคงทำการตลาดเสาสัญญาณที่มีคุณค่าของเราอย่างต่อเนื่อง” – Laurent Therivel ประธานและซีอีโอของ UScellular กล่าว
ความคืบหน้าการควบรวมกิจการกับ T-Mobile
ขณะนี้ T-Mobile และ UScellular กำลังรอการอนุมัติจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สำหรับการควบรวมกิจการ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- T-Mobile จะได้รับธุรกิจเครือข่ายไร้สายทั้งหมดของ UScellular รวมถึงฐานลูกค้า ร้านค้าปลีก และคลื่นความถี่ 30% ของ UScellular
- มูลค่าการซื้อขายรวม 4.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมหนี้สิน 2 พันล้านดอลลาร์ของ UScellular ที่ T-Mobile จะต้องรับผิดชอบ
ทั้งสองบริษัทได้ยื่นคำร้องต่อ FCC เพื่อขอให้เร่งพิจารณาอนุมัติการโอนคลื่นความถี่บางส่วนของ UScellular ให้กับ T-Mobile
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวข้องหลายแห่งได้ยื่นเรื่องต่อ FCC เช่นกัน โดยขอให้ FCC ไม่เร่งรีบและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจอนุมัติการควบรวมกิจการครั้งนี้
ผลกระทบต่อราคาหุ้น
หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก ราคาหุ้นของ UScellular ปรับตัวลดลง 5.78 ดอลลาร์ หรือ 8.4% มาปิดที่ 63.07 ดอลลาร์
ในขณะที่ราคาหุ้นของ T-Mobile กลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.88 ดอลลาร์ ปิดสัปดาห์ที่ 248.88 ดอลลาร์
การควบรวมกิจการครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป และจะส่งผลกระทบต่อวงการโทรคมนาคมสหรัฐฯ อย่างไรบ้าง เราคงต้องติดตามกันต่อไปค่ะ