สมาร์ทโฟนที่คุณทิ้งไว้ในลิ้นชักนานๆ อาจกำลังเผชิญกับอันตรายที่คาดไม่ถึง! แบตเทอรี่ที่บวมจนดันหน้าจอออกมาไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นปัญหาร้ายแรงที่อาจทำให้อุปกรณ์สุดที่รักของคุณพังเสียหายได้ แล้วสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร? ทำไมถึงเกิดขึ้นได้? และเราจะป้องกันได้อย่างไร? มาหาคำตอบกันค่ะ
ทำความรู้จักกับแบตเทอรี่สมาร์ทโฟน
สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้แบตเทอรี่ลิเธียมไอออนโพลิเมอร์ หรือ LiPo โดยมีโครงสร้างดังนี้:
- ม้วนโลหะและพลาสติกบางๆ เคลือบสารเคมี
- บรรจุในถุงอลูมิเนียม
- เติมเจลอิเล็กโทรไลต์ในปริมาณที่พอดี
- ปิดผนึกสุญญากาศและความร้อนให้แน่นหนา
เจลอิเล็กโทรไลต์มีความสำคัญมาก เพราะช่วยให้ไอออนลิเธียมเคลื่อนที่ได้ ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของแบตเทอรี่
สาเหตุที่ทำให้แบตเทอรี่บวม
ในทางทฤษฎี การปิดผนึกแน่นหนาจะรักษาปริมาณเจลอิเล็กโทรไลต์ให้คงที่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจลอาจสลายตัวกลายเป็นก๊าซได้ โดยเฉพาะคาร์บอนมอนอกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซเหล่านี้จะถูกกักอยู่ในถุงที่ปิดสนิท ทำให้เกิดแรงดันและบวมขึ้น
ถึงแม้จะดูน่ากังวล แต่การบวมนี้ถือเป็นระบบความปลอดภัยอย่างหนึ่ง ที่ช่วยกักเก็บก๊าซไม่ให้รั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อม
การสลายตัวของอิเล็กโทรไลต์เป็นกระบวนการที่ย้อนกลับไม่ได้ แต่แบตเทอรี่ยังคงทำงานได้หากมีการสลายตัวเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ถ้าอิเล็กโทรไลต์สลายตัวมากเกินไป แบตเทอรี่ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจเสียหายในที่สุด
ปัจจัยเร่งการเสื่อมสภาพของแบตเทอรี่
สภาวะต่อไปนี้จะเร่งให้อิเล็กโทรไลต์สลายตัวและแบตเทอรี่บวมเร็วขึ้น:
- อุณหภูมิสูงเกิน 90°C
- ชาร์จเกินด้วยที่ชาร์จไม่ได้มาตรฐาน
- แบตเทอรี่ได้รับความเสียหายทางกายภาพ
- ปล่อยให้แบตเทอรี่หมดเป็นเวลานาน
โดยเฉพาะการปล่อยให้แบตเหมดนานๆ อาจใช้เวลาตั้งแต่หลายสัปดาห์ถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับความจุและคุณภาพของแบตเทอรี่
วิธีป้องกันแบตเทอรี่บวม
เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเทอรี่ LiPo บวม คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้:
- ตรวจสอบและชาร์จอุปกรณ์เก่าเป็นระยะ
- ชาร์จให้ถึง 80% แล้วปิดเครื่อง
- ตั้งเตือนทุก 4 เดือนเพื่อชาร์จซ้ำ
แม้อาจดูยุ่งยาก แต่เป็นวิธีที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของสมาร์ทโฟนเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองทำตามขั้นตอนง่ายๆ นี้ แล้วคุณจะสามารถเก็บสมาร์ทโฟนเก่าไว้ได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเพื่อความทรงจำ หรือเพื่อการใช้งานในอนาคตค่ะ