สมาร์ทโฟนราคาแพงขึ้นทุกปี แต่คุณภาพไม่ได้เพิ่มขึ้นตามราคา ทำให้ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าที่จะอัปเกรดทุกปีอีกต่อไป แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตจะพยายามสร้างภาพลักษณ์ว่าโทรศัพท์รุ่นใหม่มีนวัตกรรมล้ำสมัย แต่ความจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงมักจะเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกำลังสร้างปัญหาให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ไม่ได้เพิ่มตาม หลายคนต้องพึ่งพาสัญญาผ่อนชำระกับผู้ให้บริการเครือข่าย หรือโปรแกรมแลกเปลี่ยนเครื่องเก่า เพื่อให้สามารถซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้ แต่วิธีนี้ก็มีข้อเสียที่ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินมากขึ้นในระยะยาว
ราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยแล้วราคาจะเพิ่มขึ้นประมาณ $100 ต่อปี ทั้งที่การปรับปรุงส่วนใหญ่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น:
- ความจุแบตเตอรี่ยังคงเท่าเดิม
- กล้องถ่ายรูปไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
- ความละเอียดของหน้าจอยังคงเท่าเดิม
แต่ราคากลับเพิ่มสูงขึ้น เพียงเพราะผู้บริโภคยังคงซื้อ ตามหลักอุปสงค์และอุปทาน หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ บริษัทฉวยโอกาสขึ้นราคาเพราะรู้ว่าคนยังซื้ออยู่
กลยุทธ์การขายที่สร้างภาพลวงตา
ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในสหรัฐฯ มักใช้กลยุทธ์ 2 อย่างเพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสามารถซื้อสมาร์ทโฟนราคาแพงได้:
- สัญญาผ่อนชำระรายเดือน – ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสามารถจ่ายได้ แต่จริงๆ แล้วต้องจ่ายแพงกว่าในระยะยาว
- โปรแกรมแลกเปลี่ยนเครื่องเก่า – ดูเหมือนจะได้ส่วนลด แต่เป็นการล็อกให้ต้องอัปเกรดบ่อยๆ
วิธีเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคตกอยู่ในวงจรการอัปเกรดและจ่ายเงินอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เคยเป็นเจ้าของโทรศัพท์อย่างแท้จริง
สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนกำลังกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งไม่มีระบบสัญญาผ่อนชำระหรือโปรแกรมแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้ราคาสมาร์ทโฟนพุ่งสูงขึ้นอีก เช่น:
- การขึ้นภาษีนำเข้าที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐฯ
- ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ที่มีราคาสูงขึ้น
- การออกแบบสมาร์ทโฟนพับได้หรือรุ่นพิเศษที่มีราคาแพงลิ่ว
ทางออกที่ควรพิจารณา
บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนควรทบทวนกลยุทธ์การตั้งราคาใหม่ เพราะการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ตลอด ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าที่จะอัปเกรดทุกปี
แนวทางที่น่าสนใจคือ:
- เน้นพัฒนาซอฟต์แวร์มากกว่าฮาร์ดแวร์
- ออกรุ่นใหม่ห่างกันมากขึ้น
- ให้การสนับสนุนซอฟต์แวร์ในระยะยาว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเครื่องเดิมได้นานขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเป็นไปได้ยาก เพราะบริษัทไม่ต้องการสูญเสียรายได้ ในท้ายที่สุดแล้ว ผู้บริโภคอาจต้องปรับตัวด้วยการใช้งานสมาร์ทโฟนให้นานขึ้น และเลือกซื้อรุ่นที่คุ้มค่ามากกว่าการซื้อเรือธงรุ่นล่าสุดเสมอ