มือถือชาร์จช้า? ไม่ใช่ที่แท่นชาร์จ แต่เป็นเพราะเทคโนโลยีชาร์จเร็วของแต่ละแบรนด์

Slow phone charging? It might not be your charger's fault

สาวๆ ทั้งหลาย เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมโทรศัพท์ของเราชาร์จแบตช้าจัง ทั้งๆ ที่ซื้อที่ชาร์จแพงๆ มาใช้แล้ว? วันนี้เรามาไขข้อข้องใจกันค่ะ ว่าทำไมโทรศัพท์บางรุ่นถึงชาร์จได้ไม่เร็วอย่างที่โฆษณาไว้ แม้จะใช้ที่ชาร์จยี่ห้อดังๆ ก็ตาม

ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับศัพท์เทคนิคสองคำที่เกี่ยวข้องกับการชาร์จเร็วกันก่อนนะคะ:

  • Power Delivery (PD): มาตรฐานที่ช่วยให้อุปกรณ์ชาร์จได้เร็วขึ้นผ่าน USB-C โดยมีกำลังไฟตั้งแต่ 15W ไปจนถึง 100W
  • Programmable Power Supply (PPS): ส่วนหนึ่งของ PD ที่ปรับแรงดันและกระแสไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ เพื่อจ่ายพลังงานให้อุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสม

แบรนด์ดังกับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบเฉพาะตัว

Motorola – TurboPower ที่เลือกที่รัก มักที่ชัง

เครื่องชาร์จติดผนัง Motorola TurboPower 125W พร้อมสาย USB-C 6.5 แอมป์ | เครดิตภาพ – Motorola

Motorola ใช้เทคโนโลยี TurboPower ที่ต้องการกระแสไฟนอกเหนือจากมาตรฐาน USB PD ปกติ เช่น 20V ที่ 6.25A (125W) หรือ 11V ที่ 6.2A (68W) ทำให้ที่ชาร์จทั่วไปไม่สามารถจ่ายไฟได้ตามนี้

“เมื่อคุณใช้ที่ชาร์จยี่ห้ออื่น Moto ของคุณจะไม่สามารถ TurboPower ได้เต็มประสิทธิภาพ แต่จะลดลงมาเหลือแค่ 60W หรือ 45W เท่านั้น”

Xiaomi – HyperCharge ที่แรงเว่อร์ แต่ใช้ได้แค่ของแท้

Xiaomi 120W HyperCharge Combo (Type-A) | เครดิตภาพ – Xiaomi

Xiaomi ใช้เทคโนโลยี HyperCharge 120W ที่ไม่ได้ใช้มาตรฐาน USB PD เลย แต่ใช้โปรไฟล์แรงดันและกระแสไฟฟ้าแบบกำหนดเอง เช่น 20V/6A หรือ 10V/12A ทำให้ต้องใช้ที่ชาร์จและสาย USB-C ของ Xiaomi เท่านั้นถึงจะได้ความเร็วสูงสุด

“หากใช้ที่ชาร์จทั่วไป Xiaomi ของคุณจะชาร์จได้แค่ 27W ถึง 67W เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าใช้ได้ แต่ไม่ถึงขั้น HyperCharge แน่นอน”

Honor (และ Huawei) – SuperCharge ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์

อะแดปเตอร์ Honor SuperCharge (สูงสุด 100W) | เครดิตภาพ – Honor

Honor และ Huawei บางรุ่นใช้เทคโนโลยี SuperCharge ที่ไม่รองรับ USB PD เช่นกัน ต้องใช้ที่ชาร์จและสาย USB-C แบบเฉพาะเท่านั้นถึงจะได้ความเร็วสูงสุด

Oppo, OnePlus, Vivo – ชาร์จเร็ว แต่ต้องใช้ของแท้เท่านั้น

ชุดอะแดปเตอร์จ่ายไฟ GaN พอร์ตคู่ OnePlus SuperVOOC 120W | เครดิตภาพ – OnePlus

แบรนด์เหล่านี้ใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบเฉพาะตัว เช่น VOOC, SuperVOOC, Super Flash Charge, Dash Charge, Warp Charge ซึ่งไม่รองรับ USB PD ทำให้ต้องใช้ที่ชาร์จและสายของแท้เท่านั้นถึงจะได้ความเร็วสูงสุด

“OnePlus 13 ของคุณจะไม่สามารถใช้ Warp Charge ได้เต็มประสิทธิภาพ หากไม่ใช้ที่ชาร์จและสายของแท้ นี่แหละค่ะที่ทำให้ที่ชาร์จ OnePlus ขายหมดเร็วมากหลังเปิดตัว”

Apple, Samsung, Google – สามทหารเสือที่ทำตามกฎ

ด้วยแบรนด์บุคคลที่สามอย่าง Anker คุณจะได้รับความเร็วสูงสุดสำหรับ iPhone, Galaxy หรือ Pixel ของคุณ | เครดิตภาพ – Anker

ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ทั้งสามแบรนด์นี้ใช้มาตรฐาน USB PD และ PPS ทำให้สามารถใช้ที่ชาร์จยี่ห้ออื่นๆ ได้โดยไม่เสียความเร็ว แม้จะมีเทคโนโลยีเฉพาะตัวบ้าง แต่ก็ยังอยู่บนพื้นฐานของ PPS

“คุณไม่จำเป็นต้องใช้ที่ชาร์จของแท้เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดสำหรับ iPhone, Pixel หรือ Galaxy ที่ชาร์จ USB PD/PPS คุณภาพดีก็เพียงพอแล้วค่ะ”

สรุป

การชาร์จเร็วดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่จริงๆ แล้วซับซ้อนกว่าที่คิดมากค่ะ หากโทรศัพท์ของคุณชาร์จไม่เร็วอย่างที่โฆษณาไว้ สาเหตุมักมาจากการใช้ที่ชาร์จหรือสายที่ไม่ใช่ของแท้นั่นเอง โดยเฉพาะกับแบรนด์อย่าง Xiaomi, OnePlus และ Motorola ที่ต้องใช้อุปกรณ์ของแท้เท่านั้นถึงจะได้ความเร็วสูงสุด

ดังนั้นก่อนจะโยนที่ชาร์จทิ้งด้วยความหงุดหงิด ลองตรวจสอบก่อนนะคะว่าเป็นของที่ออกแบบมาสำหรับโทรศัพท์ของคุณจริงๆ หรือไม่

สาวๆ คนไหนให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่และการชาร์จ อย่าลืมไปอ่านบทความเพิ่มเติมเหล่านี้ด้วยนะคะ:

  • โทรศัพท์ที่ชาร์จเร็วที่สุดในปี 2025: ผลทดสอบและสเปค
  • ที่ชาร์จไร้สายที่ดีที่สุดสำหรับ iPhone และ Android ในปี 2024
  • โทรศัพท์ที่แบตอึดที่สุดในปี 2025: ผลทดสอบแบบอิสระ
Facebook Comments Box

Leave a Reply