สถานการณ์ของ Samsung Foundry กำลังเข้าขั้นวิกฤติ หลังจากที่มีรายงานมาตลอดทั้งปีเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่บริษัทกำลังเผชิญ ล่าสุดเรามีตัวเลขที่ชัดเจนมายืนยันถึงความรุนแรงของสถานการณ์
Samsung Foundry กำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ทั้งการลดจำนวนพนักงาน ผลผลิตชิปที่ต่ำ และการยกเลิกโรงงานบางแห่ง ส่งผลให้บริษัทต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อนำ Exynos กลับมาสู่แถวหน้าของวงการอีกครั้ง
การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่
Samsung Foundry มีแผนที่จะลดจำนวนพนักงานลงถึง 30% ภายในสิ้นปีนี้ ผ่านโครงการ “เกษียณอายุก่อนกำหนดแบบสมัครใจ 4 รอบ” นั่นหมายความว่าพนักงานจำนวนมากกำลังจะตกงานในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะลดกำลังการผลิตชิปลงถึง 50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก เมื่อพิจารณาร่วมกับอัตราการผลิตชิปที่ใช้งานได้จริง (yield rate) ที่ต่ำเพียง 10% แล้ว นั่นหมายความว่า Samsung จะเหลือชิปที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงน้อยมาก
ปัญหาด้านเทคโนโลยีการผลิต
Samsung ยังคงไม่สามารถปรับปรุงอัตราการผลิตชิปที่ใช้งานได้จริงแม้แต่สำหรับชิป 3 นาโนเมตร ส่งผลให้มีข่าวลือว่า Galaxy S25 ทั้งตระกูลอาจจะใช้ชิป Snapdragon แทน
สถานการณ์นี้ยังส่งผลให้แผนการผลิตชิป 1.4 นาโนเมตรภายในปี 2027 ของ Samsung ต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย
อนาคตที่ไม่แน่นอน
มีข่าวลือ (แม้จะยังไม่มีการยืนยัน) ว่า Samsung และ Apple อาจร่วมกันซื้อ Intel ซึ่งหากเป็นจริงอาจช่วยฟื้นฟู Samsung Foundry ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากอาจทำให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งมีอำนาจผูกขาดมากเกินไป
“Samsung กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ บริษัทต้องการการค้นพบครั้งสำคัญเพื่อปรับปรุงอัตราการผลิตชิปที่ใช้งานได้จริง มิฉะนั้นอาจต้องปิดตัวลงเนื่องจาก Exynos ไม่สามารถตามทันชิปรุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กลงทุกปี”
- พนักงาน Samsung ที่ให้สัมภาษณ์
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของผู้บริโภค การที่ Samsung หันไปใช้ชิป Snapdragon อาจส่งผลดี เนื่องจาก Snapdragon 8 Elite มีแนวโน้มว่าจะเป็นชิปที่ทรงพลังมาก และน่าจะถูกนำมาใช้ใน Galaxy S25 Ultra โดยมีคะแนนประสิทธิภาพและประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่สูงกว่า Exynos มาก
สถานการณ์ของ Samsung Foundry ในตอนนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านการผลิตได้ในเร็ววัน อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออนาคตของบริษัทในระยะยาว