สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung อาจต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการแข่งขันกับ Apple ในด้านประสิทธิภาพของชิปเซ็ต ข่าวลือล่าสุดระบุว่า Samsung กำลังประสบปัญหาในการพัฒนาชิปเซ็ตขนาด 2 นาโนเมตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการของบริษัทในการแซงหน้า Apple Silicon
ปัญหาการผลิตชิปเซ็ตขนาด 2 นาโนเมตร
แหล่งข่าวรายงานว่า Samsung Foundry กำลังเผชิญกับปัญหาในการผลิตชิปเซ็ตขนาด 2 นาโนเมตร โดยมีอัตราการผลิตที่สำเร็จ (yield rate) อยู่ในระดับต่ำกว่า 10% ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอุตสาหกรรม ปัญหานี้อาจส่งผลให้ Samsung ไม่สามารถผลิตชิปเซ็ต Exynos รุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี 2 นาโนเมตรได้ทันตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม Samsung ยังคงมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ในเร็วๆ นี้ และยืนยันว่ายังคงดำเนินการผลิตชิปเซ็ตขนาด 2 นาโนเมตรต่อไป
การแข่งขันกับ Apple Silicon
Apple มีแผนที่จะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ที่ใช้ชิปเซ็ตขนาด 2 นาโนเมตรในปีนี้ ซึ่งผลิตโดย TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) หากเป็นเช่นนั้นจริง Samsung จำเป็นต้องเร่งพัฒนาชิปเซ็ตขนาดเดียวกันให้ทันเพื่อรักษาภาพลักษณ์ในตลาด
“แม้ว่าตัวเลขขนาดของชิปเซ็ตจะไม่ได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพทั้งหมด แต่ก็มีความสำคัญอย่างมากในแง่ของการตลาดสำหรับผู้บริโภคทั่วไป”
แผนการในอนาคตของ Samsung
Samsung มีแผนที่จะผลิตชิปเซ็ต Exynos 2600 โดยใช้กระบวนการผลิตขนาด 2 นาโนเมตร ในขณะที่ชิปเซ็ต Exynos 2500 รุ่นปัจจุบันใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตร และจะเปิดตัวในสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy Z รุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัญหาการผลิต Samsung จึงต้องใช้ชิปเซ็ต Snapdragon จาก Qualcomm ในสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy S25 แทน
ความท้าทายของ Samsung Foundry
นอกจากปัญหาด้านการผลิตแล้ว Samsung Foundry ยังเผชิญกับความท้าทายในการหาลูกค้า ส่งผลให้บริษัทต้องลดงบประมาณและมองหาทางเลือกอื่น เช่น การขอให้ TSMC ผลิตชิปเซ็ต Exynos แต่ถูกปฏิเสธ
ในขณะเดียวกัน MediaTek ก็ได้เสนอขายชิปเซ็ตให้กับ Samsung ในราคาที่น่าสนใจ เพื่อแข่งขันกับ Snapdragon ที่มีราคาสูงขึ้น
บทสรุป
แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ Samsung ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาชิปเซ็ตขนาด 2 นาโนเมตรให้สำเร็จ เพื่อแข่งขันกับ Apple Silicon ในตลาดสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพา ความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟน Galaxy รุ่นต่อไปในอนาคต