สาวกเกมมิ่งเฮ! Razer กลับมาวางจำหน่ายแล็ปท็อปในสหรัฐฯ อีกครั้งแล้ว หลังจากที่ต้องหยุดขายไปชั่วคราวเมื่อ 10 วันก่อน อันเนื่องมาจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
การกลับมาของแล็ปท็อป Razer Blade ซีรีส์ในตลาดอเมริกันครั้งนี้ สร้างความโล่งอกให้กับแฟนๆ ที่รอคอย แม้ว่าจะยังไม่กลับมาเต็มรูปแบบก็ตาม เรามาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และอะไรที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่
สาเหตุที่ต้องหยุดขาย
Razer ตัดสินใจหยุดขายแล็ปท็อป Blade ซีรีส์ในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ อย่างเป็นทางการ แต่มีการคาดการณ์ว่าสาเหตุหลักมาจาก:
- ภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกเก็บกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากจีน
- ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากการที่ชิ้นส่วนหลายอย่างผลิตในจีน
- ความยากลำบากในการรักษาอัตรากำไรจากการขายตรงให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ

สถานการณ์ปัจจุบัน
ล่าสุด Razer ได้กลับมาเปิดขายแล็ปท็อปบนเว็บไซต์ในสหรัฐฯ อีกครั้ง แต่ยังไม่ครบทุกรุ่น:
- Blade 16 รุ่นปี 2025 บางรุ่นกลับมาวางจำหน่ายแล้ว
- มีเฉพาะรุ่นที่ใช้การ์ดจอ RTX 5080 เท่านั้นที่สั่งซื้อได้ทันที
- รุ่น RTX 5070 Ti และ 5090 ยังคงอยู่ในสถานะ “แจ้งเตือนเมื่อมีสินค้า”
- Blade 16 รุ่นปี 2024 และการสั่งจองล่วงหน้าของ Blade 18 ยังไม่กลับมา
“การกลับมาของ Razer Blade ในสหรัฐฯ ครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก” – ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์กล่าว
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
ไม่ใช่แค่ Razer เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แบรนด์อื่นๆ ก็ประสบปัญหาเช่นกัน:
- Framework หยุดขายแล็ปท็อปในสหรัฐฯ ชั่วคราว
- Asus และ Lenovo อาจเผชิญปัญหาคล้ายกันในเร็วๆ นี้
มุมมองในอนาคต
ยังต้องติดตามกันต่อไปว่า:
- ประธานาธิบดีทรัมป์จะยกเว้นภาษีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการตามที่สัญญาไว้หรือไม่
- Razer จะสามารถนำแล็ปท็อปทุกรุ่นกลับมาขายในสหรัฐฯ ได้เมื่อไหร่
- ผู้ผลิตรายอื่นๆ จะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และผลกระทบของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าในอนาคตอันใกล้นี้