เช่าสมาร์ทโฟน: ทางเลือกใหม่ที่กำลังมาแรงแทนการซื้อขาด?

phone-rental-revolution-leasing-vs-buying

สมาร์ทโฟนราคาแพงขึ้นทุกปี แต่ทางออกใหม่กำลังมาถึง – การเช่าแทนการซื้อ

ในยุคที่ราคาสมาร์ทโฟนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคกำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว การเช่าหรือลีสซิ่งสมาร์ทโฟนจึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะเป็นไปได้จริงหรือไม่ที่การเช่าจะมาแทนที่การซื้อในอนาคต? มาดูกันว่าเทรนด์นี้กำลังพัฒนาไปในทิศทางไหน

จากการซื้อสู่การเช่า – การเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆ เกิดขึ้น

ในอดีต ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะซื้อสมาร์ทโฟนด้วยเงินสดหรือผ่อนชำระกับผู้ให้บริการเครือข่าย แต่ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา เราเริ่มเห็นโปรแกรมผ่อนชำระรายเดือนที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถอัพเกรดเครื่องใหม่ได้ทุกปีโดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่

Apple เป็นผู้บุกเบิกเทรนด์นี้ด้วยการเปิดตัว iPhone Upgrade Program ในปี 2015 ซึ่งเปลี่ยนการเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นการสมัครสมาชิก ลูกค้าจ่ายค่าบริการรายเดือนเพื่อแลกกับ AppleCare+ และ iPhone รุ่นใหม่ทุกปี

ไม่นานหลังจากนั้น Samsung ก็เปิดตัวโปรแกรมคล้ายกันในปี 2016 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในเกาหลีและยุโรป เนื่องจากช่วยให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในการซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม การเช่ายังไม่ใช่ตัวเลือกหลักสำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบัน หลายคนยังคงชอบที่จะจ่ายเงินซื้อสมาร์ทโฟนแบบเต็มจำนวน หรือเลือกซื้อเครื่องมือสองที่ราคาถูกกว่า

ข้อดีข้อเสียของการเช่า ซื้อใหม่ และซื้อมือสอง

ปัจจัยการเช่า (สมัครสมาชิก)ซื้อใหม่ซื้อมือสอง/รีเฟอร์บิช
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำหรือไม่มีเลยสูง – ราคาเต็มต่ำถึงปานกลาง – ถูกกว่าซื้อใหม่มาก
การชำระรายเดือนมี – ต่อเนื่องจนกว่าจะยกเลิกไม่มี (ยกเว้นผ่อนชำระ)ไม่มี (บางรุ่นอาจผ่อนได้)
ความเป็นเจ้าของไม่ได้เป็นเจ้าของ – ต้องคืนหรือซื้อออกเป็นเจ้าของเต็มตัวเป็นเจ้าของเต็มตัว
ความถี่ในการอัพเกรดบ่อย – มักจะทุกปีขึ้นอยู่กับผู้ใช้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้
ความสะดวกสะดวกมาก – รวมการอัพเกรดและบริการปานกลาง – ต้องจัดการเองปานกลาง – ต้องตรวจสอบผู้ขาย/เครื่อง
บริการเสริมมักรวมประกัน AppleCare/Samsung Careต้องซื้อแยกแทบไม่มี ขึ้นอยู่กับผู้ขาย
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมปานกลาง – ดีถ้ารีไซเคิล แต่อาจส่งเสริมการใช้มากเกินไปปานกลางถึงแย่ ถ้าเปลี่ยนบ่อยดี – ยืดอายุการใช้งาน ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
ระยะเวลาการสนับสนุนซอฟต์แวร์เต็มที่ – ใช้รุ่นล่าสุดเสมอเต็มที่ – แต่จำกัดตามรุ่นสั้นกว่า – อาจเหลือระยะเวลาอัพเดทน้อย
ค่าใช้จ่ายระยะยาวสูงกว่า – โดยเฉพาะถ้าเช่าต่อเนื่องต่ำกว่า – ถ้าใช้งาน 3-5 ปีต่ำที่สุด – แต่อาจต้องเปลี่ยนเร็วกว่า
เหมาะกับผู้ที่ต้องการรุ่นใหม่ล่าสุดโดยไม่ยุ่งยากผู้ที่ชอบเป็นเจ้าของระยะยาวผู้ที่คำนึงถึงงบประมาณและสิ่งแวดล้อม

ผู้ผลิตกำลังทดลองตลาด

ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่เห็นศักยภาพในโมเดลการเช่าอย่างชัดเจน แม้ Apple จะยุติโปรแกรม iPhone Upgrade ไปแล้ว แต่มีข่าวลือว่าอาจนำกลับมาอีกครั้งเนื่องจากภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น

Samsung เพิ่งเปิดตัว “AI Subscription Club” ในเกาหลีใต้เมื่อต้นปีนี้ โดยให้ลูกค้าสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน Galaxy S25 เป็นเวลา 12 หรือ 24 เดือน ด้วยค่าบริการเพียงเดือนละ 5,900 วอน (ประมาณ 150 บาท) ซึ่งหมายความว่าลูกค้าสามารถใช้ Galaxy S25 ได้เพียง 1,800 บาทต่อปีเท่านั้น

Google ก็เคยทดลองโปรแกรมคล้ายกันชื่อ “Pixel Pass” ในปี 2021 ซึ่งรวมสมาร์ทโฟน Pixel เข้ากับบริการต่างๆ ของ Google แต่ก็ยุติลงหลังจากผ่านไป 2 ปีเนื่องจากไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากนัก

การเช่าจะแทนที่การซื้อได้จริงหรือ?

ในสหรัฐอเมริกาและหลายตลาดทั่วโลก แผนผ่อนชำระกับผู้ให้บริการเครือข่ายได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว เมื่อราคาสมาร์ทโฟนสูงขึ้นเรื่อยๆ การเช่าหรือสมัครสมาชิกอาจกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น

สำหรับลูกค้าจำนวนมาก การได้ใช้สมาร์ทโฟนราคา 50,000 บาทผ่านแผนรายเดือนที่จ่ายได้ – ซึ่งมักจะรวมการอัพเกรด ประกัน และบริการเสริมอื่นๆ – กลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการอัพเกรดเครื่องใหม่

แม้จะยังมีผู้บริโภคบางส่วนที่หลีกเลี่ยงแผนสมัครสมาชิก แต่หากข้อเสนอมีความน่าสนใจและโปร่งใสมากขึ้น (เช่น ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงหรือเงื่อนไขที่ซับซ้อน) ก็มีโอกาสสูงที่จำนวนคนกลุ่มนี้จะลดลง

นอกจากนี้ ผู้บริโภคทั่วโลกคุ้นเคยกับการสมัครสมาชิกบริการต่างๆ เช่น Netflix หรือแอปพลิเคชันมืออาชีพอยู่แล้ว ดังนั้นการสมัครสมาชิกสมาร์ทโฟนจึงไม่ใช่แนวคิดที่แปลกใหม่มากนัก

ท้ายที่สุดแล้ว การที่การเช่าสมาร์ทโฟนจะได้รับความนิยมมากขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าค่าบริการรายเดือนจะมีราคาที่เหมาะสมแค่ไหน รวมถึงมีเงื่อนไขที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้หรือไม่

การเช่า vs มือสอง: ความคุ้มค่าและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ตลาดสมาร์ทโฟนมือสองเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามรายงานของบริษัทวิจัยตลาด IDC พบว่าตลาดสมาร์ทโฟนรีเฟอร์บิชทั่วโลกเติบโตขึ้นเกือบ 10% จากปี 2022 ถึง 2023 และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 110,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2027

“การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนรีเฟอร์บิชแทนการซื้อใหม่ สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ถึง 91% ช่วยป้องกันการสกัดวัตถุดิบกว่า 180 ปอนด์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 55 ปอนด์” – รายงานจาก IDC

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือ สมาร์ทโฟนในปัจจุบันได้รับการสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์ที่ยาวนาน

Facebook Comments Box

Leave a Reply