สาวกสมาร์ทโฟนต้องเตรียมใจรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับแบรนด์ OnePlus และ Oppo ในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อมีข่าวลือว่าทั้งสองแบรนด์กำลังจะเลิกใช้สวิตช์ปรับโหมดเสียงแบบ 3 ระดับที่เป็นเอกลักษณ์มาอย่างยาวนาน และหันไปใช้ปุ่ม Action Button แบบเดียวกับ iPhone แทน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นจุดจบของฟีเจอร์ยอดนิยมที่ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับโหมดเสียงได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมองหน้าจอ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดศักราชใหม่ของฟีเจอร์ที่น่าจะมีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้มากขึ้น
ลาก่อนสวิตช์ 3 ระดับ สวัสดีปุ่ม Action Button
จากข้อมูลของ Digital Chat Station ผู้เปิดเผยข่าวลือวงในที่มีความน่าเชื่อถือสูง ระบุว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OnePlus และ Oppo จะมาพร้อมกับปุ่มที่สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ โดยจะติดตั้งอยู่ที่ด้านซ้ายบนของตัวเครื่อง แทนที่สวิตช์ปรับโหมดเสียงแบบเดิม
ปุ่มใหม่นี้อาจมีชื่อเรียกว่า “Rubik’s Cube Key” หรือ “Magic Cube Key” ซึ่งจากภาพหน้าจอที่หลุดออกมา แสดงให้เห็นว่าปุ่มนี้จะทำงานด้วยการกดแทนที่จะเป็นการเลื่อนสวิตช์แบบเดิม
ฟีเจอร์ที่คาดว่าจะใช้งานได้ผ่านปุ่มใหม่
ปุ่ม Magic Cube Key นี้คาดว่าจะสามารถตั้งค่าให้ทำงานได้หลากหลายฟังก์ชัน เช่น:
- ปิดเสียงการแจ้งเตือน
- เปิด/ปิดไฟฉาย
- จับภาพหน้าจอ
- ถ่ายภาพ
- เปิดแอปพลิเคชันที่ต้องการ
- ฟังก์ชันอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถตั้งค่าการทำงานแบบกดสองครั้งหรือสามครั้งได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ปุ่มนี้มีประโยชน์มากกว่า Action Button บน iPhone ที่ปัจจุบันรองรับเพียงการกดครั้งเดียวเท่านั้น
เมื่อไหร่จะได้เห็นปุ่มใหม่นี้?
มีความเป็นไปได้สูงว่าเราอาจได้เห็นปุ่ม Magic Cube Key นี้เร็วๆ นี้ โดยอาจเปิดตัวครั้งแรกบนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Oppo อย่าง Oppo Find X8 Ultra ที่มีกำหนดเปิดตัวในเดือนมีนาคมนี้
หลังจากนั้นคาดว่าจะค่อยๆ นำมาใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ของทั้ง Oppo และ OnePlus ในอนาคต
ความเห็นส่วนตัว
“แม้ว่าปุ่มใหม่นี้จะดูน่าสนใจและมีประโยชน์มากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟนๆ ของทั้งสองแบรนด์คงจะคิดถึงสวิตช์ปรับโหมดเสียงแบบเดิมอย่างแน่นอน รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วย”
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ OnePlus และ Oppo กำลังเดินตามรอย Apple มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Live Photos หรือ Dynamic Island ที่เพิ่งนำมาใช้เมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่าปุ่มใหม่นี้จะสามารถทดแทนความสะดวกสบายของสวิตช์แบบเดิมได้มากน้อยแค่ไหน และจะได้รับการตอบรับจากผู้ใช้อย่างไรบ้าง
