สาวกเทคโนโลยีทั้งหลาย เตรียมตัวให้พร้อม! เพราะเรากำลังจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจาก Nothing – แบรนด์สมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่กำลังมาแรง หลังจาก Carl Pei ผู้ก่อตั้งและ CEO คนปัจจุบันออกมายอมรับถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ของบริษัท
Carl Pei เพิ่งออกมาเปิดใจผ่านวิดีโอบน YouTube ถึงปัญหาการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์หูฟังของ Nothing ที่สร้างความสับสนให้กับลูกค้า เขากล่าวว่า:
“บางทีผมอาจจะผิดพลาด ทุกคนก็ทำผิดพลาดกันได้”
ปัญหาการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ที่สร้างความสับสน
Carl อธิบายว่าการตั้งชื่อหูฟังรุ่นแรกว่า Nothing Ear ตามด้วย Nothing Ear 2 แล้วกลับมาเป็น Nothing Ear อีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Nothing Ear (a) นั้นสร้างปัญหาใหญ่:
- ลูกค้าไม่สามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง
- ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท
เขายอมรับว่าบริษัทควรใช้ระบบการตั้งชื่อที่ดีกว่านี้ตั้งแต่แรก
ประเด็นร้อนเกี่ยวกับ Nothing OS
นอกจากนี้ Carl ยังตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับ Nothing OS ที่หลายคนมองว่าคล้ายกับ OxygenOS ของ OnePlus มาก โดยเขาอธิบายว่า:
- Nothing OS ไม่ได้ลอกเลียนแบบ OxygenOS
- ทีมพัฒนาส่วนใหญ่เป็นคนเดียวกับที่เคยทำ OxygenOS มาก่อน
- ฟีเจอร์ต่างๆ ถูกเพิ่มเข้ามาเพราะพวกเขาคิดว่ามันดี ไม่ใช่เพราะต้องการลอกเลียนแบบ
ความท้าทายของบริษัทสมาร์ทโฟนรายเล็ก
Carl ยังพูดถึงความท้าทายในการแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ในวงการ:
- คู่แข่งผลิตสมาร์ทโฟน 50-100 ล้านเครื่องต่อปี ขณะที่ Nothing เพิ่งทะลุ 1 ล้านเครื่อง
- ต้นทุนชิ้นส่วนสูงกว่าเพราะสั่งผลิตจำนวนน้อย ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัท
“เราต้องเติบโตให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อที่จะสามารถไล่ตามวิสัยทัศน์ของเราได้อย่างจริงจัง” Carl กล่าว
การพัฒนา UI และฟีเจอร์ใหม่
Carl ยังพูดถึงการปรับปรุง UI ใน Nothing OS 3.0:
- แก้ไขปัญหากล่อง Wi-Fi และ Bluetooth ใน Quick Settings ที่กินพื้นที่มากเกินไป
- ปรับปรุงแถบควบคุมความสว่างหน้าจอให้ใช้งานง่ายขึ้น
มุมมองเกี่ยวกับอุปกรณ์ชาร์จ
Carl มีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการไม่แถมอุปกรณ์ชาร์จในกล่อง:
- อาจสร้างปัญหาให้ผู้ใช้มือใหม่ที่ไม่มีอุปกรณ์ชาร์จเดิมอยู่แล้ว
- เสนอไอเดีย “soft bundle” ให้ลูกค้าสามารถซื้ออุปกรณ์ชาร์จพร้อมสมาร์ทโฟนในราคาพิเศษ
กลยุทธ์การทำสมาร์ทโฟนราคาประหยัด
สำหรับ CMF Phone 1 สมาร์ทโฟนราคาประหยัดรุ่นแรกของ Nothing นั้น Carl มีมุมมองว่า:
- ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในระดับราคานั้น
- ทุ่มเทความใส่ใจและพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ระดับไหนก็ตาม
อนาคตของแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้
Carl ยังพูดถึงเหตุผลที่ Nothing ไม่ใช้แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้:
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีความเสี่ยงระเบิดได้หากเกิดรอยบุบ
- การเสริมความแข็งแรงจะทำให้ตัวเครื่องหนาขึ้นและความจุแบตเตอรี่ลดลง
- กฎหมาย Digital Markets Act ในสหภาพยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตทุกรายต้องใช้แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ในอนาคตอันใกล้
การเปิดใจครั้งนี้ของ Carl Pei แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์ Nothing อย่างจริงจัง พร้อมรับฟังเสียงติชมจากผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Nothing จะสามารถพลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟนได้อย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่