สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เรามาพูดถึงแบรนด์สมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองในตลาดระดับกลางของสหรัฐอเมริกาในปี 2025 กันค่ะ นั่นก็คือ Motorola นั่นเอง! แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Motorola จะไม่ได้โดดเด่นมากนักในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ดูเหมือนว่าในปีหน้านี้ พวกเขาอาจจะกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง หากทำตามเงื่อนไขสำคัญบางอย่างได้สำเร็จ
ราคาต้องสมเหตุสมผลตั้งแต่เปิดตัว
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ Motorola ประสบความสำเร็จในตลาดระดับกลางของสหรัฐฯ คือการตั้งราคาที่สมเหตุสมผลตั้งแต่แรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรุ่น Motorola Edge (2025) ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้
จากประสบการณ์ของรุ่น Edge (2024) ที่เปิดตัวด้วยราคา $550 แต่กลับต้องลดราคาลงมาเหลือ $300-$350 ในเวลาไม่นาน ทำให้หลายคนคิดว่าราคาเปิดตัวนั้นสูงเกินไป
“ทำไมไม่เปิดตัว Edge (2025) ที่ราคา $400 เลยล่ะ? แล้วรักษาระดับราคานี้ไว้สักพัก”
นี่อาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค และทำให้ Edge (2025) สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy A36 5G ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่าย
ลดความสับสนของแบรนด์
อีกประเด็นสำคัญที่ Motorola ควรปรับปรุงคือการตั้งชื่อรุ่นที่ซับซ้อนเกินไป ปัจจุบันมีสมาร์ทโฟน Edge หลายรุ่นที่มีชื่อคล้ายกันมาก เช่น Edge (2024), Edge 50, Edge 50 Pro, Edge 50 Ultra และ Edge 50 Fusion ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสับสนได้ง่าย
สำหรับ Edge 60 ที่กำลังจะเปิดตัว Motorola ควรทำให้การตั้งชื่อรุ่นเรียบง่ายและเข้าใจง่ายขึ้น เช่นเดียวกับที่ทำกับ Razr และ Razr Plus
ซอฟต์แวร์สำคัญไม่แพ้ฮาร์ดแวร์
นอกจากการออกแบบที่สวยงามและสเปคที่แข็งแกร่งแล้ว Motorola ยังต้องให้ความสำคัญกับซอฟต์แวร์และการอัปเดตระยะยาวด้วย
ปัจจุบัน Motorola มีนโยบายอัปเดต Android OS เพียง 2 ปีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง Samsung และ Google ที่ให้การสนับสนุนนานถึง 4 ปีขึ้นไป
หาก Edge (2025) สามารถเพิ่มระยะเวลาการอัปเดตเป็น 4 ปีได้ ก็จะทำให้สามารถแข่งขันกับ Galaxy A36 และ Pixel 9a ได้อย่างสมศักดิ์ศรีมากขึ้น
โชคดีที่ Pixel 9a มีการเลื่อนเปิดตัวออกไป และ Galaxy A36 ก็ดูจะมีดีไซน์ที่ไม่โดดเด่นและราคาสูงเกินไป ทำให้ Motorola ยังมีโอกาสที่จะคว้าตำแหน่งสมาร์ทโฟนระดับกลางยอดนิยมแห่งปี 2025 ไปครองได้
หากทำได้ตามเงื่อนไขเหล่านี้ Motorola ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางของสหรัฐฯ อีกครั้งในปีหน้าค่ะ เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าพวกเขาจะทำได้สำเร็จหรือไม่
