เทคโนโลยีกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหม่ เมื่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่งผลกระทบถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ล่าสุด MediaTek บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวันได้เตรียมพร้อมรับมือกับภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะประกาศใช้
MediaTek เตรียมรับมือภาษีนำเข้าของทรัมป์
Rick Tsai ซีอีโอของ MediaTek เปิดเผยในการประชุมรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไต้หวัน โดยมีการจำลองสถานการณ์เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม Tsai เชื่อว่าผลกระทบในปีนี้ยังอยู่ในระดับที่ “จัดการได้” แม้จะยอมรับว่าสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง และมีตัวแปรหลายอย่างที่ต้องติดตาม
“เรากำลังจำลองสถานการณ์ต่างๆ เพื่อประเมินผลกระทบ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในตอนนี้” – Rick Tsai, CEO MediaTek
ความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของไต้หวัน ซึ่งมี TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกเป็นผู้นำ กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งสัญญาณว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิป โดยอ้างว่าไต้หวันทำลายธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ
ทรัมป์ยืนยันแผนการเก็บภาษีนำเข้าชิป ยา และเหล็ก เพื่อกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยกำหนดเวลาที่ชัดเจน
ผลกระทบต่อราคาสินค้าเทคโนโลยี
ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลให้ TSMC พิจารณาขึ้นราคาการผลิตชิปสูงถึง 15% ซึ่งสูงกว่าการขึ้นราคา 5% ที่วางแผนไว้เดิม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าที่อาจเกิดขึ้น
การขึ้นราคานี้จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีในตลาด เนื่องจากบริษัทต่างๆ อาจผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค
ตัวอย่างเช่น:
- Samsung อาจต้องเผชิญกับการขึ้นราคาชิป Snapdragon 8 Elite Gen 2 จาก Qualcomm ซึ่งอาจส่งผลให้สมาร์ทโฟน Galaxy มีราคาสูงขึ้น หรือต้องใช้ชิ้นส่วนที่ถูกลง
- TSMC อาจย้ายการผลิตบางส่วนไปยังสหรัฐฯ หรือเจรจาขอยกเว้นภาษี แต่การขึ้นราคายังคงมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
บทสรุป
สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก และผลกระทบที่นโยบายการค้าระหว่างประเทศสามารถส่งผลต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคควรเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่ราคาสินค้าเทคโนโลยีจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้