เทคโนโลยีจอแสดงผลกำลังเป็นสนามรบใหม่ระหว่างเกาหลีใต้และจีน โดยมีสหรัฐฯ เป็นตัวแปรสำคัญ ความหวังของผู้ผลิตจอแสดงผลเกาหลีใต้กำลังฝากไว้กับนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ อย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจช่วยให้พวกเขากลับมาครองตำแหน่งผู้นำตลาดจอ OLED อีกครั้ง
สงครามจอแสดงผลระหว่างเกาหลีใต้และจีน
ในปี 2023 เกาหลีใต้ครองส่วนแบ่งตลาดจอแสดงผลโลก 33.4% ตามหลังจีนที่ครองตลาดถึง 47.9% ตามข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมจอแสดงผลเกาหลี นี่เป็นการทิ้งห่างที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่เกาหลีใต้สูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดให้กับจีนในปี 2021
แม้จีนจะครองตลาดจอ LCD แต่บริษัทเกาหลีใต้ได้หันมาเน้นเทคโนโลยี OLED ที่พวกเขายังคงเหนือกว่าด้านเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ตลาด OLED ก็กำลังมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากแบรนด์จีนอย่าง Huawei, Xiaomi และ Oppo เริ่มหันมาใช้จอ OLED ที่ผลิตในประเทศมากขึ้น
จีนขึ้นแท่นผู้นำตลาด OLED แซงหน้าเกาหลีใต้
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด Omdia เผยว่าบริษัทจีนได้แซงหน้าคู่แข่งเกาหลีใต้ในด้านยอดจัดส่งจอ OLED ระดับโลกในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยครองส่วนแบ่ง 49.7% เทียบกับเกาหลีใต้ที่ 49%
นี่เป็นการพลิกสถานการณ์อย่างสิ้นเชิงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ผู้ผลิตเกาหลีใต้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 62.3% ขณะที่บริษัทจีนมีส่วนแบ่งเพียง 36.6%
ทรัมป์อาจเป็นความหวังของผู้ผลิตจอเกาหลีใต้
นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ที่เสนอให้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60% และสินค้าจากภูมิภาคอื่น 10-20% ถูกมองว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตจอแสดงผลเกาหลีใต้
คนวงในอุตสาหกรรมระบุว่าความสามารถในการแข่งขันของซัพพลายเออร์จอ OLED ขึ้นอยู่กับ Apple เป็นหลัก ซึ่งกำลังมองหาวิธีลดต้นทุนด้วยการหาจอจาก BOE ของจีน หากมาตรการภาษีของทรัมป์เป็นจริง บริษัทอย่าง Samsung Display และ LG Display อาจได้เปรียบด้านราคาเหนือ BOE
“การที่ Apple เลือก BOE และ LG Display เป็นซัพพลายเออร์สำหรับ iPhone SE แสดงให้เห็นถึงพลวัตการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าหากมีการเก็บภาษีหรือจำกัด BOE อาจทำให้ Apple ต้องทบทวนการพึ่งพาซัพพลายเออร์จีนรายนี้ โดยเฉพาะสำหรับจอของ iPhone รุ่นเรือธง”
ความเสี่ยงของผู้ผลิตจอเกาหลีใต้
แม้จะมีมุมมองที่ดีขึ้น แต่ผู้ผลิตจอแสดงผลเกาหลีใต้ก็ยังเผชิญความเสี่ยงเนื่องจากมีฐานการผลิตในสหรัฐฯ จำกัด
- Samsung Display ได้ย้ายการผลิตส่วนใหญ่ไปยังเวียดนาม โดยลงทุน 2.4 ล้านล้านวอน (1.72 พันล้านดอลลาร์) ในโรงงานที่นั่น
- LG Display เพิ่งได้รับการอนุมัติให้ขยายโรงงานในเมืองไฮฟองมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์
ในท้ายที่สุด การแข่งขันในตลาดจอแสดงผลยังคงดุเดือด และนโยบายของสหรัฐฯ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า