สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในปัจจุบันมักมาพร้อมกับกล้องหลังหลายตัว แต่ดูเหมือนว่า Apple จะเดินสวนทางกับเทรนด์นี้ในรุ่น iPhone SE 4 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 โดยยังคงใช้กล้องหลังเพียงตัวเดียว แม้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางราคาประมาณ $400-500 ก็ตาม
ทำไมการใช้กล้องตัวเดียวจึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจในปี 2025?
ในปัจจุบัน แม้แต่สมาร์ทโฟนราคาประหยัดก็ยังมาพร้อมกับกล้องหลังอย่างน้อย 2 ตัว โดยทั่วไปจะเป็นกล้องหลักและกล้องมุมกว้าง บางรุ่นยังมีกล้องมาโครเพิ่มเติมด้วย ตัวอย่างเช่น Moto Edge 50 Fusion ที่มีราคาเพียง $200 แต่มีกล้องถึง 3 ตัวที่ใช้งานได้จริง
การที่ iPhone SE 4 จะมาพร้อมกล้องตัวเดียวในปี 2025 จึงดูเหมือนจะเป็นการถอยหลังเข้าคลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่า:
- ผู้ใช้ที่อัพเกรดจาก iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 11, 12, 13 จะรู้สึกเหมือนโดนลดทอนฟีเจอร์กล้อง
- สมาร์ทโฟนระดับกลางในปี 2027-2028 อาจมีกล้องซูมออพติคอลด้วยซ้ำ
- กล้องมุมกว้างเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์จริงๆ สำหรับการถ่ายภาพทั้งในร่มและกลางแจ้ง
แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น…
อย่างไรก็ตาม ก็มีเหตุผลที่ทำให้ iPhone SE 4 ยังคงน่าสนใจ แม้จะมีกล้องตัวเดียว:
- คาดว่าจะใช้เซ็นเซอร์ 48MP เดียวกับ iPhone 15 ซึ่งให้คุณภาพระดับแฟลกชิพ
- สามารถซูม 2 เท่าแบบ lossless ได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
- ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้ต้องการกล้องหลายตัวจริงๆ
- การมีตัวเลือกน้อยลงอาจทำให้การใช้งานง่ายขึ้น
“บางทีการมีกล้องตัวเดียวอาจทำให้เราถ่ายภาพแบบที่คนสมัยก่อนทำ – แค่ภาพเดียวที่สำคัญจริงๆ แทนที่จะถ่ายหลายๆ ภาพแล้วลืมไป”
Apple จะทำสำเร็จหรือไม่?
แม้ว่าการใช้กล้องตัวเดียวจะดูเป็นข้อเสียเปรียบ แต่ Apple ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ เนื่องจาก:
- ผู้ใช้ iPhone หลายคนต้องการ iPhone มากกว่าฟีเจอร์อื่นๆ
- ผู้ที่อัพเกรดจาก iPhone รุ่นเก่ากว่า XS อาจไม่รู้สึกว่าขาดอะไร
- ราคาที่ถูกกว่า iPhone 16 Pro ถึง $500 เป็นแรงจูงใจสำคัญ
สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จของ iPhone SE 4 จะขึ้นอยู่กับว่า Apple จะสามารถทำให้ผู้ใช้มองข้ามข้อจำกัดด้านกล้องไปได้หรือไม่ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีโอกาสทำสำเร็จอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่เคยทำมาแล้วหลายครั้งในอดีต