สมาร์ทโฟนรุ่นประหยัดของ Apple กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดสหรัฐฯ! การเปลี่ยนชื่อจาก iPhone SE มาเป็น iPhone 16e ดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ส่งผลให้ยอดขาย iPhone ในสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
iPhone 16e วางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้จะมีเวลาทำตลาดเพียง 1 เดือนในไตรมาสแรก แต่กลับสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อยอดขาย iPhone โดยรวมในสหรัฐฯ การตัดสินใจเปลี่ยนชื่อรุ่นประหยัดของ Apple ครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลหลายประการ
เหตุผลที่ Apple เปลี่ยนชื่อ iPhone SE เป็น iPhone 16e
- ดึงดูดความสนใจสู่ดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัยขึ้น
- สอดคล้องกับชื่อในตระกูล iPhone 16 รุ่นอื่นๆ
- สื่อถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา เช่น Face ID, จอ OLED แบบ edge-to-edge
- ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ไม่ใช่รุ่นเก่าที่นำมาปรับปรุง
สเปคเด่นของ iPhone 16e
- RAM 8GB เท่ากับรุ่น Pro และ Pro Max
- ใช้โมเด็ม C1 ที่ Apple พัฒนาเอง (แต่ไม่รองรับ 5G mmWave)
- หน้าจอ OLED แบบ edge-to-edge
- รองรับ Face ID แทนปุ่ม Home แบบเดิม

ผลกระทบต่อยอดขาย iPhone ในสหรัฐฯ
จากข้อมูลของ Consumer Intelligence Research Partners (CIRP) พบว่า:
- iPhone 16e มียอดขายคิดเป็น 7% ของยอด iPhone ทั้งหมดในสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสแรก
- เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับยอดขาย iPhone SE ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- ตระกูล iPhone 16 มียอดขายรวม 74% ของยอดขาย iPhone ทั้งหมดในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 68% ของ iPhone 15 ในปีที่แล้ว
“การเปลี่ยนชื่อเป็น iPhone 16e ดูเหมือนจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ สนใจ iPhone รุ่นราคาประหยัดมากขึ้นในไตรมาสแรก” – CIRP
อย่างไรก็ตาม Apple อาจไม่พอใจนักที่ยอดขายรุ่น Pro และ Pro Max ลดลงจาก 45% เหลือ 38% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขาย iPhone 16 รุ่นพื้นฐานเพิ่มขึ้นจาก 14% เป็น 20%
มองไปข้างหน้า
คำถามที่น่าสนใจคือ Apple จะอัปเดต iPhone รุ่นประหยัดและเปิดตัว iPhone 17e พร้อมกับตระกูล iPhone 17 ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ หรือจะรอจนถึงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมปีหน้า ซึ่งครบรอบ 1 ปีของ iPhone 16e
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าการตัดสินใจยกเลิกชื่อ iPhone SE และเปลี่ยนเป็น iPhone 16e จะเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องของ Apple อย่างน้อยก็ในตลาดสหรัฐฯ การใช้ชื่อ iPhone 16e ทำให้ Apple สามารถขยายไลน์อัพ iPhone เป็น 5 รุ่น โดยเพิ่มรุ่นราคาประหยัดเข้ามาในตระกูลหลัก
เราจะต้องติดตามกันต่อไปว่า กลยุทธ์นี้จะส่งผลอย่างไรต่อยอดขาย iPhone โดยรวมในระยะยาว และ Apple จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตั้งชื่อผลิตภัณฑ์อย่างไรในอนาคต