สมาร์ทโฟนรุ่นประหยัดที่หลายคนรอคอยกำลังจะมาถึงแล้ว! iPhone SE รุ่นที่ 4 มีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ข่าวลือและการคาดการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็เริ่มทยอยออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว
แม้ว่า iPhone SE รุ่นแรกจะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่รุ่นต่อๆ มาก็ดูจะน่าสนใจน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว iPhone SE 4 จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน? วันนี้เรามาดูกันว่ามีฟีเจอร์อะไรบ้างที่เราอยากเห็นใน iPhone SE รุ่นใหม่นี้
1. หน้าจอ OLED
ได้เวลาที่ Apple ต้องบอกลาหน้าจอ LCD แล้ว! ในปี 2025 นี้ แม้แต่สมาร์ทโฟนราคาประหยัดระดับ $200 ก็ยังใช้หน้าจอ OLED กันแล้ว อย่างเช่น Galaxy A16 ที่มีราคาเพียง $199.99 แต่ก็มาพร้อมกับจอ Super AMOLED ที่รองรับอัตรารีเฟรชสูงถึง 90Hz
iPhone SE รุ่นก่อนๆ ยังคงใช้หน้าจอ LCD มาโดยตลอด ซึ่งก็ยังพอรับได้จนถึงรุ่นปี 2022 แต่สำหรับรุ่นใหม่นี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนมาใช้หน้าจอ OLED แล้ว
ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างคืออัตรารีเฟรชของหน้าจอ Apple ยังคงยึดติดกับอัตรารีเฟรช 60Hz แม้แต่ในรุ่นเรือธงอย่าง iPhone 16 และ iPhone 16 Plus เราคาดว่า iPhone SE 4 ก็น่าจะยังคงใช้อัตรารีเฟรช 60Hz เช่นกัน เพื่อรักษาความแตกต่างจากรุ่นเรือธง แม้ว่าเราจะอยากเห็นอัตรารีเฟรชอย่างน้อย 90Hz ในสมาร์ทโฟนราคา $500 นี้ก็ตาม
นอกจากนี้ หน้าจอของ iPhone SE น่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.1 นิ้ว เป็นการยุติยุคของ iPhone SE หน้าจอเล็ก 4.7 นิ้ว และทำให้ขนาด 6.1 นิ้วกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับสมาร์ทโฟนขนาดกะทัดรัด
เราคาดว่า Touch ID จะหายไปจาก iPhone SE 4 แม้ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนชื่นชอบ แต่ก็คงไม่ได้เห็นมันอีกแล้วในรุ่นนี้
2. แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของ iPhone SE สองรุ่นที่ผ่านมาคือเรื่องแบตเตอรี่ที่อึดไม่พอ iPhone SE รุ่นที่สองมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2018 mAh ส่วนรุ่นก่อนหน้านั้นมีแบตเตอรี่ขนาดเพียง 1821 mAh เท่านั้น
แม้ว่า Apple จะสามารถบริหารจัดการพลังงานได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ แต่ผลการทดสอบแบตเตอรี่ของ iPhone SE สองรุ่นที่ผ่านมาก็ยังออกมาน่าผิดหวัง โดยรุ่นล่าสุดได้คะแนนทดสอบแบตเตอรี่เพียง 3 ชั่วโมง 57 นาทีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในปัจจุบันถึงครึ่งหนึ่ง!
ดังนั้น iPhone SE 4 จำเป็นต้องมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น จากข่าวลือที่ว่า iPhone SE 4 จะมีสเปคใกล้เคียงกับ iPhone 14 เราคาดหวังว่าจะได้เห็นแบตเตอรี่ขนาดอย่างน้อย 3000 mAh (iPhone 14 มีแบตเตอรี่ขนาด 3279 mAh) เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้
3. ชาร์จเร็วขึ้น
iPhone SE 4 จะมาพร้อมกับพอร์ต USB-C เช่นเดียวกับ iPhone 15 และ 16 ตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป นี่เป็นโอกาสดีที่ Apple จะอัพเกรดความเร็วในการชาร์จให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
iPhone SE สองรุ่นที่ผ่านมารองรับการชาร์จแบบมีสายด้วยกำลังไฟเพียง 20W เท่านั้น ซึ่งก็พอรับได้เนื่องจากแบตเตอรี่มีขนาดเล็ก โดย Apple ระบุว่าสามารถชาร์จได้ 50% ในเวลา 30 นาที
แต่หาก iPhone SE 4 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น (3000 mAh หรือมากกว่า) การชาร์จด้วยกำลังไฟ 20W คงไม่เพียงพออีกต่อไป Apple จำเป็นต้องเพิ่มกำลังไฟในการชาร์จเป็นอย่างน้อย 30W หรือมากกว่านั้น เพื่อรักษาความเร็วในการชาร์จให้ได้ 50% ภายในเวลา 30 นาทีเช่นเดิม
4. ชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูง
ข่าวลือทั้งหมดชี้ไปที่ชิปเซ็ต A18 ว่าจะเป็นหัวใจสำคัญของ iPhone SE 4 ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เนื่องจาก iPhone SE มักจะได้รับการอัพเดทรุ่นใหม่ทุก 2-3 ปีเท่านั้น การใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ดูเหมือนว่าเราจะได้เห็นชิปเซ็ต A18 รุ่นปกติ (ไม่ใช่รุ่น Pro) ใน iPhone SE 4 ซึ่งจะช่วยให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดระยะเวลาสนับสนุน 5 ปี
5. รองรับการอัพเดทซอฟต์แวร์นาน 7 ปี
เรามักจะชื่นชม Apple ที่ให้การสนับสนุนอัพเดท OS หลักนานถึง 5 ปี แต่สถานการณ์ในวงการสมาร์ทโฟนก็เปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่ iPhone SE รุ่นปี 2022 วางจำหน่าย
Google เริ่มต้นเทรนด์ใหม่ด้วยการประกาศสนับสนุน Pixel 8 นานถึง 7 ปี ตามมาด้วย Samsung ที่ประกาศสนับสนุนสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy S รวมถึงรุ่น FE นาน 7 ปีเช่นกัน
ปัจจุบันแม้แต่ Pixel 8a ราคา $499 ก็ยังได้รับการสนับสนุนนาน 7 ปี ซึ่งแม้จะไม่ใช่ปัจจัยที่เปลี่ยนเกมการแข่งขัน แต่ก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานได้มาก
เราอยากเห็น Apple เข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วยการประกาศสนับสนุน iPhone SE นาน 7 ปีเช่นกัน นี่จะเป็นการทดสอบที่ดีว่าชิปเซ็ตของ Apple จะสามารถรองรับ iOS รุ่นใหม่ได้นานแค่ไหน เมื่อถึงเวลาที่ iOS เวอร์ชันสุดท้ายมาถึง
6. Apple Intelligence
Apple กำลังพัฒนาฟีเจอร์ AI ที่เรียกว่า Apple Intelligence อยู่ การนำฟีเจอร์นี้มาใช้ใน iPhone SE 4 จะช่วยให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ในระบบนิเวศของ Apple ได้ดียิ่งขึ้น
แม้ว่า Apple อาจจะเลือกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับฟีเจอร์นี้ (เช่นเดียวกับที่ Samsung และ Google ทำ) แต่การรวม iPhone SE 4 เข้าไปในพอร์ตโฟลิโอก็มีความสมเหตุสมผล ทั้งเพื่อให้ผู้ใช้ iPhone SE สามารถใช้งาน Apple Intelligence ได้อย่างเต็มที่ และเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับ Apple
7. กล้องหลังตัวเดียวแต่คุณภาพดี
iPhone SE มักจะมาพร้อมกับกล้องหลังตัวเดียวเสมอ แต่เราอยากให้กล้องตัวนี้มีคุณภาพที่ดี
จากผลสำรวจของเรา 63% ของผู้อ่านไม่ได้สนใจกล้องมุมกว้างพิเศษ และพอใจกับกล้องหลักตัวเดียวที่มีคุณภาพดี
iPhone SE สองรุ่นที่ผ่านมาใช้กล้องหลักความละเอียด 12MP มาโดยตลอด แม้แต่ iPhone 14 (ที่คาดว่า iPhone SE 4 จะใช้เป็นพื้นฐาน) ก็ยังใช้กล้องหลัง 12MP สองตัว
เราหวังว่าข่าวลือล่าสุดจะเป็นความจริง นั่นคือ iPhone SE 4 จะมาพร้อมกับกล้องหลักความละเอียด 48MP (อา