เทคโนโลยี AI ที่หลายคนคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขาย iPhone 16 ดูเหมือนจะไม่สามารถสร้างความตื่นเต้นได้อย่างที่คิด ล่าสุดมีรายงานว่า Apple ได้ตัดสินใจลดกำลังการผลิต iPhone 16 ลงหลายล้านเครื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่กำลังเผชิญในตลาดสมาร์ทโฟนที่อิ่มตัว
ยอดขายไม่เป็นไปตามคาด Apple ปรับลดการผลิต iPhone 16
นักวิเคราะห์ชื่อดัง Ming-Chi Kuo เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า Apple ได้ตัดสินใจลดคำสั่งผลิต iPhone 16 ลงเกือบ 10 ล้านเครื่อง สำหรับช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ถึงครึ่งแรกของปี 2025 โดยการลดกำลังการผลิตนี้ส่งผลกระทบต่อรุ่นมาตรฐานและรุ่น Plus เป็นหลัก ในขณะที่ความต้องการสำหรับรุ่น Pro ยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
หลังจากการปรับลดนี้ คาดว่า Apple จะผลิต iPhone 16 ได้ทั้งหมด 84 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี 2024 ลดลงจากแผนเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 88 ล้านเครื่อง
ตัวเลขการผลิตรายไตรมาส
- ไตรมาส 4 ปี 2024: 80 ล้านเครื่อง (เทียบกับ 84 ล้านเครื่องในไตรมาส 4 ปี 2023)
- ไตรมาส 1 ปี 2025: 45 ล้านเครื่อง (เทียบกับ 48 ล้านเครื่องในไตรมาส 1 ปี 2024)
- ไตรมาส 2 ปี 2025: 39 ล้านเครื่อง (เทียบกับ 41 ล้านเครื่องในไตรมาส 2 ปี 2024)
ผลกระทบต่อรายได้และยอดขาย
แม้จะมีการลดกำลังการผลิตลง แต่คาดว่ารายได้ของ Apple ในไตรมาส 4 จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากช่องว่างระหว่างจำนวน iPhone ที่ผลิตและขายได้ในไตรมาส 4 ปี 2023 มีมากกว่าปีนี้ นอกจากนี้ iPhone 16 Pro Max ซึ่งเป็นรุ่นที่มีราคาสูงที่สุด ยังคงเป็นรุ่นที่คาดว่าจะขายดีที่สุดในช่วงไตรมาสนี้
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการลดกำลังการผลิตจะเริ่มเห็นชัดในครึ่งแรกของปี 2025 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยที่ลดลงหลังจากการเปิดตัว iPhone SE 4
AI ไม่สามารถกระตุ้นยอดขายได้อย่างที่คาดหวัง
ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าการเปิดตัวฟีเจอร์ AI อย่าง Apple Intelligence จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ แต่ดูเหมือนว่า Apple จะไม่ได้คาดหวังว่า AI จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้อีกต่อไป
รายงานนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก Barclays เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ที่ระบุว่า Apple ได้ลดการผลิต iPhone 16 ลง 3 ล้านเครื่องสำหรับไตรมาสธันวาคม และยอดขาย iPhone 16 ลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ทั้งสองรายงานชี้ให้เห็นว่าการขาดนวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์ที่โดดเด่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ความต้องการ iPhone 16 ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
“การลดกำลังการผลิตครั้งนี้อาจส่งผลให้ Apple ไม่สามารถแซงหน้า Samsung ขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ในไตรมาสสุดท้ายของปีได้ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้”
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ Apple กำลังเผชิญในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการแข่งขันสูงและอิ่มตัว การสร้างนวัตกรรมและฟีเจอร์ที่โดดเด่นเพื่อดึงดูดผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Apple เราจะต้องติดตามกันต่อไปว่า บริษัทจะมีกลยุทธ์อย่างไรในการรับมือกับสถานการณ์นี้ในอนาคต