สมาร์ทโฟนอัจฉริยะอย่าง iPhone อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่หลายคนคิด แม้ Apple จะมีชื่อเสียงด้านความเสถียรของระบบปฏิบัติการ iOS แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นข้อบกพร่องและปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะหลังการอัปเดตรายปีครั้งใหญ่
ในขณะที่เรากำลังรอการเปิดตัว iPhone 16 และ iOS 18 ในเดือนกันยายนนี้ มาย้อนดูตัวอย่างปัญหาร้ายแรงบางส่วนที่เคยเกิดขึ้นกับ iOS ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากัน:
iOS 13 – อัปเดตที่เต็มไปด้วยบั๊ก
iOS 13 ถือเป็นหนึ่งในการอัปเดตที่มีปัญหามากที่สุด จนทำให้ Apple ต้องข้ามการปล่อย iOS 13.0 ไปเลย และเริ่มต้นที่เวอร์ชัน 13.1 แทน แต่ก็ยังคงมีปัญหามากมาย เช่น:
- บั๊กที่ทำให้ข้อมูลมือถือถูกใช้งานอย่างผิดปกติ แม้ไม่ได้เปิดแอพใดๆ
- เสียงเรียกเข้าทำงานผิดปกติ
- สายโทรหลุดกลางคันโดยไม่ทราบสาเหตุ
ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ iPhone เป็นเวลาหลายเดือน
ปัญหาหน้าจอสีเขียวและเทา
iPhone 12 ซีรีส์ประสบปัญหาหน้าจอมีจุดสีเขียวและเทาปรากฏขึ้น โดยเฉพาะเมื่อตั้งค่าความสว่างต่ำ ทำให้ประโยชน์ของหน้าจอ OLED ลดลงอย่างมาก แม้ Apple จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ แต่ก็สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมาก
ข้อความ “SIM Not Supported”
iPhone 14 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ใช้ eSIM เพียงอย่างเดียวในสหรัฐฯ ก็เกิดปัญหาแสดงข้อความ “SIM Not Supported” ตามด้วยการค้างของเครื่อง ทำให้ผู้ใช้ต้องรีสตาร์ทเครื่องบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสบการณ์การใช้งาน
นาฬิกาปลุกไม่ทำงาน
ปัญหานาฬิกาปลุกไม่ทำงานตามเวลาที่ตั้งไว้ ส่งผลให้ผู้ใช้ iPhone ทั่วโลกพลาดการตื่นนอน สาเหตุเกิดจากฟีเจอร์ “Attention Aware” ที่ตีความผิดพลาดว่าผู้ใช้ตื่นแล้ว จึงปิดเสียงปลุกก่อนเวลา
ปัญหาด้านความปลอดภัย
บางครั้งบั๊กของ iOS ก็ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว เช่น:
- บั๊กใน Safari บน iOS 15 ที่อาจเปิดเผยประวัติการท่องเว็บและข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
- การแสดงหน้าต่างให้กรอกรหัส Apple ID บ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมาก
ปัญหาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า iOS ก็ยังมีข้อบกพร่องเช่นเดียวกับระบบปฏิบัติการอื่นๆ ผู้ใช้ควรระมัดระวังและไม่รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการอัปเดตใหญ่ประจำปี