สวัสดีค่ะ วันนี้มีข่าวน่าสนใจเกี่ยวกับการอัปเดตความปลอดภัยสำหรับเด็กๆ บน iOS ที่กำลังจะมาถึง Apple กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยปกป้องเด็กๆ จากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่าฟีเจอร์นี้จะทำงานอย่างไรและจะส่งผลกระทบอะไรบ้างนะคะ
ฟีเจอร์ใหม่ช่วยรายงานเนื้อหาไม่เหมาะสมโดยตรงถึง Apple
ตามรายงานล่าสุด Apple กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 18.2 beta ที่จะช่วยให้เด็กๆ ในออสเตรเลียสามารถรายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้โดยตรงถึง Apple
ฟีเจอร์นี้จะทำงานร่วมกับระบบตรวจจับภาพและวิดีโอที่มีเนื้อหาโป๊เปลือยที่มีอยู่แล้วใน iOS 17 โดยเมื่อระบบตรวจพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม จะมีป๊อปอัพขึ้นมาให้ผู้ใช้สามารถเลือกรายงานไปยัง Apple ได้ทันที
รายงานที่ส่งไปจะประกอบด้วย:
- ภาพหรือวิดีโอที่ตรวจพบ
- ข้อความก่อนหน้าและหลังจากที่พบเนื้อหาไม่เหมาะสม
- ข้อมูลติดต่อของทั้งสองบัญชี
- แบบฟอร์มให้กรอกรายละเอียดเพิ่มเติม
Apple จะดำเนินการอย่างไรเมื่อได้รับรายงาน
เมื่อ Apple ได้รับรายงาน จะมีการตรวจสอบเนื้อหาและอาจดำเนินการต่อบัญชีผู้ใช้ที่ส่งเนื้อหาไม่เหมาะสม เช่น:
- ระงับความสามารถในการส่งข้อความผ่าน iMessage
- รายงานเหตุการณ์ไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้จะเป็นตัวเลือกที่ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ
ทำไมออสเตรเลียถึงได้ฟีเจอร์นี้ก่อน?
การเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในออสเตรเลียสอดคล้องกับกฎหมายใหม่ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในประเทศ โดยภายในสิ้นปี 2024 บริษัทเทคโนโลยีจะต้องมีระบบตรวจสอบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดเด็กและการก่อการร้ายบนบริการคลาวด์และการส่งข้อความ
Apple เคยแสดงความกังวลว่ากฎหมายฉบับร่างอาจส่งผลกระทบต่อการเข้ารหัสแบบ end-to-end แต่ในที่สุดคณะกรรมการด้าน eSafety ของออสเตรเลียได้ปรับเปลี่ยนกฎหมายให้บริษัทสามารถเสนอทางเลือกอื่นในการจัดการกับปัญหานี้โดยไม่กระทบการเข้ารหัส
ความเห็นส่วนตัว
ในฐานะนักเขียนข่าวเทคโนโลยี ดิฉันมองว่าการปกป้องเด็กจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญ แม้ Apple จะเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนการเข้ารหัสใน iMessage เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย แต่เมื่อเป็นเรื่องความปลอดภัยของเด็ก บางครั้งมาตรการที่เข้มงวดก็มีความจำเป็น
ฟีเจอร์ใหม่นี้น่าจะช่วยสร้างสมดุลระหว่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ทั่วไป กับการคุ้มครองเด็กๆ จากภัยออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าฟีเจอร์นี้จะถูกนำไปใช้อย่างไรเมื่อเปิดตัวจริง และจะมีผลกระทบอะไรบ้างในระยะยาว