สงครามแย่งชิงตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมในจีนกำลังทวีความเข้มข้น เมื่อ Huawei ตัดสินใจลดราคาสินค้าเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดคืนจาก Apple ที่ครองอันดับหนึ่งอยู่ในขณะนี้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ Huawei ในการกลับมาเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในช่วงที่ผ่านมา
Huawei ลดราคาสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงเพื่อสู้กับ Apple
Huawei ได้ประกาศลดราคาสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงหลายรุ่น โดยเฉพาะในซีรีส์ Pura 70 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- Pura 70 Ultra รุ่น 1TB ลดราคาจาก 10,999 หยวน เหลือ 8,999 หยวน คิดเป็นส่วนลด 18%
- Pura 70 Ultra รุ่น 512GB ได้รับส่วนลดมากถึง 20%
- ซีรีส์ Pura 70 ทั้งหมดลดราคาลงประมาณ 1,000 หยวน ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ Huawei ยังลดราคาสมาร์ทโฟนพับได้รุ่น Mate X5 ที่วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 ลง 19% จาก 12,999 หยวน เหลือ 10,499 หยวน ซึ่งเป็นการลดราคาครั้งใหญ่สำหรับสมาร์ทโฟนพับได้รุ่นนี้
สาเหตุที่ Huawei ต้องลดราคา
การลดราคาครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจาก:
- แรงกดดันจาก Apple ที่ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมในจีนถึง 52%
- ยอดขายซีรีส์ Mate 70 ที่ไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากชิปเซ็ต Kirin 9020 ที่ใช้ยังด้อยกว่าคู่แข่ง
- ความต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสมาร์ทโฟนพับได้ ซึ่ง Huawei เป็นผู้นำอยู่แล้วในจีน
อย่างไรก็ตาม แม้จะประสบปัญหาด้านยอดขาย แต่นักวิเคราะห์คาดว่าซีรีส์ Mate 70 จะยังสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 10 ล้านเครื่องตลอดอายุการจำหน่าย
“Huawei ยังคงเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนพับได้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน โดยในไตรมาสที่ 3 สามารถส่งมอบสมาร์ทโฟนพับได้ถึง 1.12 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว” – รายงานจาก CINNO Research
นวัตกรรมใหม่จาก Huawei
นอกจากการปรับกลยุทธ์ด้านราคาแล้ว Huawei ยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดตัว Huawei Mate XT สมาร์ทโฟนพับได้ 3 ตอนรุ่นแรกของโลก ที่สามารถกางออกเป็นหน้าจอขนาด 10 นิ้ว นับเป็นการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการเทคโนโลยีอีกครั้ง แม้จะมีราคาสูงถึงประมาณ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ Huawei แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนจีน และการต่อสู้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดคืนจาก Apple ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม ซึ่งจะเป็นที่น่าจับตามองว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้