เทคโนโลยีไม่มีพรมแดน แม้แต่ผู้นำบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei ก็ยังยอมรับในศักยภาพของคู่แข่งจากฝั่งตะวันตก เร็น เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอวัย 80 ปีของ Huawei ได้กล่าวชื่นชมวัฒนธรรมนวัตกรรมของสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยเฉพาะความเปิดกว้างและการยอมรับแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งเขามองว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ความเปิดกว้างคือหัวใจของนวัตกรรม
เร็นได้แสดงความคิดเห็นในงาน International Collegiate Programming Contest (ICPC) ที่ Huawei เป็นผู้สนับสนุน โดยเขาเน้นย้ำว่า:
“สหรัฐฯ ได้วางมาตรฐานของการเปิดกว้างให้กับทุกประเทศและบริษัททั่วโลก หากใครปิดกั้นตัวเอง ก็จะล้าหลัง”
เขามองว่าความสามารถในการปรับตัวและรับฟังไอเดียจากทั่วทุกมุมโลกเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเติบโตและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
Huawei ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร
แม้จะชื่นชมสหรัฐฯ แต่ Huawei ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีของตัวเอง เนื่องจาก:
- ถูกขึ้นบัญชีดำทางการค้าของสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2019
- ถูกตัดขาดจากการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการจากซัพพลายเออร์ไฮเทคของอเมริกา
- มาตรการเพิ่มเติมในปี 2020 จำกัดการเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
มาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อ Supply Chain และความสามารถในการแข่งขันของ Huawei ในตลาดโลก
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชื่นชมคู่แข่ง
เร็น เจิ้งเฟย มีประวัติยาวนานในการชื่นชมบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Apple:
- ปี 2019 เขาเรียก Apple ว่าเป็น “ครู” ที่นำหน้า Huawei
- ยอมรับว่าครอบครัวของเขาใช้ iPhone เมื่ออยู่ต่างประเทศ
- ชื่นชม iPhone 12 ว่ามีความสามารถด้าน 5G ที่ดีที่สุดในตลาด
การชื่นชมนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้นำ Huawei ที่มองเห็นคุณค่าของนวัตกรรมไม่ว่าจะมาจากที่ใด
มุมมองที่น่าสนใจ
การที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Huawei ยอมรับจุดแข็งของคู่แข่งอย่างเปิดเผย สะท้อนให้เห็นถึง:
- วัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง
- ความเข้าใจในความสำคัญของการแลกเปลี่ยนความรู้และไอเดีย
- วิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลเกินกว่าการแข่งขันทางธุรกิจ
ในยุคที่ความขัดแย้งทางการค้าและเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทวีความรุนแรง ท่าทีเช่นนี้ของผู้นำ Huawei อาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับความร่วมมือในอนาคต และเป็นแบบอย่างให้กับผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีท่านอื่นๆ