เทคโนโลยีการชำระเงินผ่านมือถือกำลังก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว และล่าสุด Google Wallet ก็ได้ขยายการรองรับไปยังธนาคารใหม่ๆ ในสหรัฐอเมริกาอีก 17 แห่ง นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น
Google Wallet เพิ่มความครอบคลุมอีกก้าว
Google Wallet ได้พัฒนาจนกลายเป็นหนึ่งในบริการชำระเงินผ่านมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่การชำระเงินแบบไร้สัมผัสเท่านั้น แต่ยังรองรับการจัดเก็บและจัดการบัตรโดยสาร บัตรสะสมแต้ม และตั๋วคอนเสิร์ตได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การชำระเงินแบบไร้สัมผัสยังคงเป็นฟีเจอร์หลักที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่นิยม
ด้วยเหตุนี้ Google จึงพยายามขยายการรองรับไปยังธนาคารและสถาบันการเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยที่ผ่านมาได้เพิ่มรายชื่อธนาคารที่รองรับไปแล้วหลายสิบแห่ง และยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
17 ธนาคารใหม่ที่รองรับ Google Wallet
ล่าสุด Google ได้ประกาศเพิ่มรายชื่อธนาคารในสหรัฐอเมริกาที่รองรับ Google Wallet อีก 17 แห่ง ได้แก่:
- American Bank & Trust (SD)
- Bank Of the Plains (KS)
- Farmers Bank of Northern Missouri (MO)
- First National Bank of Proctor (MN)
- First State Bank of Burnet (TX)
- Mastercard eGIFT
- MyGeorgia Credit Union (GA)
- Nova Bank (AL)
- On Me
- Palmetto State Bank (SC)
- Petefish, Skiles & Co. Bank (IL)
- Police Federal Credit Union (MD)
- Riley State Bank of Riley, KS
- Slope – IKEA
- TIB, National Association (TX)
- Travis Credit Union (CA)
- United Minnesota Bank (MN)
การเพิ่มธนาคารเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าของแต่ละธนาคารสามารถใช้ Google Wallet ในการทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น
มองไปข้างหน้า
แม้ว่า Google จะเพิ่มรายชื่อธนาคารที่รองรับไปแล้วมากมาย แต่ก็ยังมีอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้รับการรองรับ อย่างไรก็ตาม คาดว่า Google จะยังคงขยายการรองรับไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากธนาคารที่คุณใช้บริการยังไม่อยู่ในรายชื่อ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับการเพิ่มในอนาคตอันใกล้
“Google Wallet กำลังก้าวสู่การเป็นระบบชำระเงินดิจิทัลที่ครอบคลุมที่สุดในสหรัฐอเมริกา การเพิ่มธนาคารใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการพัฒนาระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัล”
สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ Google Wallet นั้นใช้งานได้เฉพาะบนอุปกรณ์ Android และ Wear OS เท่านั้น สำหรับผู้ใช้ iPhone จะต้องใช้ Apple Pay แทน ซึ่งก็มีขนาดใหญ่พอๆ กับ Google Wallet ในสหรัฐอเมริกา
การแข่งขันในตลาดการชำระเงินดิจิทัลยังคงดุเดือด และการขยายการรองรับของ Google Wallet ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ และผลักดันให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต