เทคโนโลยีกำลังจะก้าวไปอีกขั้น! Google เตรียมยกระดับ Pixel Tablet รุ่นที่ 3 ด้วยฟีเจอร์ “Pro” สุดล้ำ ที่จะทำให้แท็บเล็ตแอนดรอยด์ตัวนี้น่าจับตามองยิ่งขึ้น
ตามข้อมูลที่รั่วไหลออกมาจากแผนก gChips ของ Google เผยว่า Pixel Tablet 3 อาจมาพร้อมพอร์ต USB-C เพิ่มขึ้นอีก 1 พอร์ต นอกเหนือจากพอร์ต USB-C เดิมและการเชื่อมต่อ USB 2.0 ที่ซ่อนอยู่ในพิน pogo สำหรับการด็อก ซึ่งนับเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่จะเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อของแท็บเล็ตรุ่นนี้อย่างมาก
พอร์ต USB-C เพิ่มเติม เพิ่มความสามารถระดับ Pro
พอร์ต USB-C ที่สองบน Pixel Tablet 3 คาดว่าจะรองรับมาตรฐาน USB 3.2 และสามารถส่งสัญญาณ DisplayPort ได้ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อจอแสดงผลภายนอกได้สูงสุดถึง 4 จอ โดยเชื่อมต่อโดยตรงผ่านพอร์ต USB-C 2 พอร์ต และเชื่อมต่อแบบ daisy-chain อีก 2 จอ
ความสามารถนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมากยิ่งขึ้น
ก้าวสู่การเป็นแท็บเล็ตระดับ Pro
การเพิ่มพอร์ต USB-C ที่สองนี้ บ่งชี้ว่า Google อาจกำลังวางแผนยกระดับ Pixel Tablet ให้เป็นแท็บเล็ตระดับ “Pro” มากขึ้น คล้ายกับไลน์ผลิตภัณฑ์ iPad Pro ของ Apple
“การเพิ่มพอร์ต USB-C อีกหนึ่งพอร์ตและความสามารถในการรองรับจอแสดงผลภายนอก จะทำให้ Pixel Tablet 3 กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ทดแทนแล็ปท็อป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ที่มีเวิร์กโฟลว์ไม่ซับซ้อนมากนัก”
แม้ว่า Android อาจจะยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปเต็มรูปแบบ แต่ก็มีความสามารถในการจัดการงานประจำวันได้หลากหลาย การเพิ่มพอร์ต USB-C และรองรับจอแสดงผลภายนอกจะทำให้ Pixel Tablet 3 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวและราคาที่เข้าถึงได้
มุ่งสู่อนาคตของแท็บเล็ต
ความมุ่งมั่นของ Google ในการพัฒนาแนวคิดการด็อกแท็บเล็ต ควบคู่ไปกับการเพิ่มพอร์ต USB-C แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคตของ Pixel Tablet น่าตื่นเต้นที่จะได้เห็น Google ผลักดันขอบเขตความสามารถของแท็บเล็ต และ Pixel Tablet 3 อาจเป็นก้าวสำคัญในทิศทางนั้น
สำหรับดิฉันแล้ว การเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อและศักยภาพในการสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบเดสก์ท็อปนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดแท็บเล็ต ดิฉันรอคอยที่จะได้เห็นว่า Google จะนำฟีเจอร์เหล่านี้มาใช้อย่างไร และจะส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานโดยรวมอย่างไรบ้าง