สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของซัมซุงกำลังจะมาพร้อมกับพลังประมวลผลที่น่าทึ่ง! ข้อมูลเบนช์มาร์กล่าสุดของ Galaxy S25 Ultra เวอร์ชันสหรัฐฯ เผยให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นี่เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่น่าจับตามองสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงในปี 2025
พลังประมวลผลที่เหนือชั้น
Galaxy S25 Ultra รุ่นสำหรับตลาดสหรัฐฯ (รหัสรุ่น SM-938U) ได้ปรากฏตัวบนฐานข้อมูล Geekbench พร้อมคะแนนที่น่าประทับใจ:
- คะแนน Single-core: 2,845 คะแนน
- คะแนน Multi-core: 10,188 คะแนน
เมื่อเทียบกับ Galaxy S24 Ultra รุ่นปัจจุบัน ซึ่งทำคะแนนได้ 2,187 และ 6,669 คะแนนตามลำดับ จะเห็นได้ว่า S25 Ultra มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในส่วนของ Multi-core ที่เพิ่มขึ้นถึง 52%
ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite
ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญนี้มาจากการใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite (Gen 4) รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Qualcomm ซึ่งมาพร้อมกับ:
- CPU Oryon รุ่นแรกสำหรับอุปกรณ์มือถือ ที่เร็วขึ้น 45% แต่ใช้พลังงานน้อยลง 44%
- แคชข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
- GPU Adreno รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 40% และมีประสิทธิภาพดีขึ้น
“Snapdragon 8 Elite มาพร้อมกับ CPU Oryon ที่เร็วขึ้น 45% แต่ใช้พลังงานน้อยลง 44% นี่คือก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในวงการชิปเซ็ตมือถือ” – Qualcomm
การแข่งขันกับ iPhone 16 Pro Max
เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง iPhone 16 Pro Max ที่ใช้ชิป Apple A18 Pro ซึ่งทำคะแนน Geekbench 6 ได้ดังนี้:
รุ่น | Single-core | Multi-core |
---|---|---|
iPhone 16 Pro Max | 3,331 | 8,106 |
Galaxy S25 Ultra | 2,845 | 10,188 |
จะเห็นได้ว่า S25 Ultra ยังแพ้ iPhone ในส่วนของ Single-core เล็กน้อย แต่ชนะขาดในส่วนของ Multi-core ซึ่งสำคัญมากสำหรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกันและการประมวลผล AI
ความท้าทายด้านต้นทุน
แม้ Snapdragon 8 Elite จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มาพร้อมกับราคาที่แพงลิ่ว โดยคาดว่าซัมซุงต้องจ่ายมากกว่า $200 ต่อชิ้นสำหรับชิปเซ็ตและโมเด็ม 5G นี้เท่านั้น ทำให้เป็นชิ้นส่วนที่แพงที่สุดใน S25 Ultra
ด้วยเหตุนี้ ซัมซุงจึงอาจต้องใช้ชิปเซ็ต Exynos 2500 ที่พัฒนาเองสำหรับรุ่นอื่นๆ ในตระกูล S25 เพื่อควบคุมต้นทุน แม้ว่าประสิทธิภาพจะด้อยกว่า Snapdragon ก็ตาม
สรุปแล้ว Galaxy S25 Ultra กำลังจะมาพร้อมกับพลังประมวลผลที่น่าทึ่ง แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายด้านต้นทุนที่ซัมซุงต้องเผชิญ เราจะได้เห็นว่าบริษัทจะจัดการกับความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและราคาอย่างไรเมื่อเปิดตัวจริงในปีหน้า