สมาร์ทวอทช์กำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่น่าสนใจ แต่ก็มีประเด็นที่น่ากังวลเกี่ยวกับการพัฒนาของอุปกรณ์สวมใส่เหล่านี้ ในขณะที่บางรุ่นพยายามผลักดันขีดจำกัดด้านฟีเจอร์ แต่อีกหลายรุ่นกลับมุ่งเน้นไปที่การออกแบบสวยหรูและแบตเตอรี่อึด โดยละเลยการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นประโยชน์
ปัญหาของสมาร์ทวอทช์ที่เน้นดีไซน์มากกว่าฟังก์ชั่น
1. รูปลักษณ์สำคัญกว่าประโยชน์ใช้สอย
สมาร์ทวอทช์บางรุ่นใช้วัสดุราคาแพงอย่างไทเทเนียมหรือเซรามิก แต่กลับมีฟีเจอร์การใช้งานเทียบเท่าฟิตเนสแบนด์ราคาถูก เช่น Huawei Watch Ultimate ราคา 800 ยูโร แต่มีฟังก์ชั่นใกล้เคียงกับ Huawei Watch Fit ราคาเพียง 150 ดอลลาร์ ทำให้ต้องตั้งคำถามว่าเราจ่ายเงินเพิ่มเพื่ออะไร
2. ไม่มีแอปหรือระบบนิเวศ
หลายแบรนด์สัญญาว่าจะพัฒนาระบบนิเวศแอปสำหรับสมาร์ทวอทช์ของตน แต่ก็ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีฟังก์ชั่นจำกัดและไม่สามารถขยายความสามารถได้ในอนาคต
3. ราคาสูงเกินคุ้ม
ด้วยราคาของสมาร์ทวอทช์ระดับพรีเมียมบางรุ่น เราสามารถซื้อนาฬิกาแบรนด์ดังของสวิตเซอร์แลนด์ สายรัดวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และฟิตเนสแบนด์ได้ในราคารวมที่ถูกกว่า โดยแต่ละอุปกรณ์ก็ทำหน้าที่ได้ดีกว่าสมาร์ทวอทช์อเนกประสงค์
4. การตั้งชื่อที่ทำให้เข้าใจผิด
หลายแบรนด์ใช้คำว่า “Ultra” หรือ “Ultimate” กับสมาร์ทวอทช์ที่มีฟีเจอร์ไม่ต่างจากรุ่นทั่วไป ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของอุปกรณ์
บทสรุป: ละเลยนวัตกรรมที่แท้จริง
น่าเสียดายที่หลายบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาวัสดุและการออกแบบที่หรูหรา แทนที่จะคิดค้นฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ สมาร์ทวอทช์ควรเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น ไม่ใช่แค่เครื่องประดับราคาแพงที่ทำหน้าที่ได้เพียงนับก้าวและวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
เราต้องการสมาร์ทวอทช์ที่สามารถทดแทนสมาร์ทโฟนได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับโทรศัพท์ จัดการปฏิทิน ทำงานที่ซับซ้อน ตอบอีเมล หรือนำทาง แทนที่จะเป็นแค่ฟิตเนสแบนด์ในบรรจุภัณฑ์สวยหรู