เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเด็กๆ ในจีน การเล่นเกมออนไลน์กลับถูกจำกัดอย่างเข้มงวด ล่าสุดรัฐบาลจีนได้ประกาศมาตรการใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อเยาวชนทั่วประเทศในช่วงปิดเทอมนี้
จีนจำกัดเวลาเล่นเกมของเด็กเหลือเพียง 15 ชั่วโมงต่อเดือน
บริษัทเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent Holdings ได้ประกาศว่าผู้เล่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะสามารถเล่นเกมได้ไม่เกิน 15 ชั่วโมงในช่วงวันที่ 13 มกราคม ถึง 13 กุมภาพันธ์นี้ ขณะที่ NetEase คู่แข่งรายสำคัญก็ได้กำหนดเพดานไว้ที่ 16 ชั่วโมงสำหรับช่วง 15 มกราคม ถึง 14 กุมภาพันธ์
มาตรการนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลจีนที่ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งจำกัดให้เยาวชนสามารถเล่นเกมได้เพียงวันละ 1 ชั่วโมงเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านการติดเกมในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น
“การจำกัดเวลาเล่นเกมเป็นเสมือนการจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ เพื่อรักษาโรคที่รัฐบาลมุ่งมั่นจะเยียวยา”
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจว่าไม่มีการกำหนดขีดจำกัดในลักษณะเดียวกันนี้สำหรับความบันเทิงออนไลน์รูปแบบอื่น เช่น แพลตฟอร์มวิดีโอสั้น
แนวโน้มการควบคุมอุตสาหกรรมเกมในจีน
ถึงแม้จะมีการควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ทางการจีนก็แสดงท่าทีผ่อนปรนในบางด้าน โดยเฉพาะกับเกมที่ส่งเสริมวัฒนธรรมจีน เช่น Black Myth Wukong ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องมือแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ
ในปี 2023 สำนักงานสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติได้อนุมัติเกมกว่า 1,400 เกม แบ่งเป็นเกมในประเทศ 1,306 เกม และเกมจากต่างประเทศ 110 เกม ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2019
ประวัติการควบคุมการเล่นเกมของเยาวชนจีน
- ปี 2019: ห้ามเล่นเกมออนไลน์สำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 08.00 น.
- ปี 2021: จำกัดการเล่นเกมเหลือเพียง 1 ชั่วโมงต่อวัน ระหว่าง 20.00 น. ถึง 21.00 น. ในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
Tencent ได้นำระบบ “Midnight Patrol” มาใช้ในเกมมือถือกว่า 60 เกมที่ให้บริการเฉพาะในจีน โดยใช้การสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุของผู้เล่นในช่วงเวลาห้ามเล่นเกม
มาตรการควบคุมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลจีนในการจัดการกับปัญหาการติดเกมในหมู่เยาวชน แต่ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงว่าวิธีการเช่นนี้จะได้ผลจริงหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กและอุตสาหกรรมเกมในระยะยาวอย่างไร