ข่าวนี้อาจส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของผู้บริโภคชาวอเมริกันในไม่ช้า เมื่อผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อย่าง AT&T และ Verizon ต่างยืนยันว่าจะผลักภาระภาษีนำเข้าให้กับลูกค้า หากรัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสมาร์ทโฟนจากต่างประเทศ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองบริษัทได้ออกมาแถลงถึงแนวทางรับมือกับภาษีนำเข้าที่อาจเกิดขึ้น โดยระบุชัดเจนว่าจะไม่รับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเอง แต่จะส่งผ่านไปยังผู้บริโภคแทน
Verizon ยืนยันไม่แบกรับภาระภาษี
Hans Vestberg ประธานและซีอีโอของ Verizon กล่าวในการประชุมรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2025 ว่า:
“หากภาษีนำเข้าสมาร์ทโฟนสูงตามที่คาดการณ์ไว้ เราไม่มีแผนที่จะรับภาระส่วนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะแบกรับการเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าที่สูงมาก สุดท้ายแล้วผู้บริโภคในตลาดจะเป็นผู้รับผลกระทบนี้”
Vestberg ยังเปิดเผยว่า Verizon กำลังทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ทุกรายเพื่อพยายามลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าให้น้อยที่สุด แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่ายังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าลูกค้ากังวลเรื่องภาษีนำเข้าถึงขั้นที่จะรีบซื้อสมาร์ทโฟนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงราคาที่อาจสูงขึ้น
AT&T ยืนยันจะผลักภาระให้ลูกค้าเช่นกัน
ในทำนองเดียวกัน John Stankey ซีอีโอของ AT&T ได้กล่าวในการประชุมรายงานผลประกอบการว่า หากมีการเก็บภาษีนำเข้าสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ ทางบริษัทจำเป็นต้องส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้า
“หากเราต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟน น่าเสียดายที่เราจำเป็นต้องหาวิธีใหม่ๆ ให้ลูกค้าสามารถรับมือกับราคาที่สูงขึ้นได้”
Stankey ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทในสหรัฐฯ ทั้งหมดกำลังดำเนินธุรกิจภายใต้ความไม่แน่นอน ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินนโยบายที่มุ่งสร้างการค้าโลกที่เป็นธรรมมากขึ้นและปรับปรุงขีดความสามารถในการผลิตภายในประเทศ
ผลกระทบต่อผู้บริโภค
การประกาศจากผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ทั้งสองแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันอาจต้องเตรียมตัวรับมือกับราคาสมาร์ทโฟนที่อาจสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ หากนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลมีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าภาษีนำเข้าจะสูงเท่าไหร่ และจะส่งผลกระทบต่อราคาสมาร์ทโฟนมากน้อยเพียงใด ผู้บริโภคควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและวางแผนการซื้อสมาร์ทโฟนให้รอบคอบมากขึ้น เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต