สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังพัดผ่านวงการโทรคมนาคมอเมริกัน เมื่อ AT&T ได้รับไฟเขียวจาก FCC ให้ยกเลิกบริการโทรศัพท์บ้านในพื้นที่ชนบทของรัฐโอคลาโฮมา พร้อมกับประกาศแผนคืนเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ให้ผู้ถือหุ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า สร้างความไม่พอใจให้กับสหภาพแรงงาน CWA อย่างมาก
AT&T อ้างเหตุผลในการยกเลิกสายทองแดง
AT&T ให้เหตุผลว่าโครงสร้างพื้นฐานสายทองแดงที่ใช้สำหรับโทรศัพท์บ้านนั้นล้าสมัยและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูง บริษัทเชื่อว่าสามารถให้บริการโทรคมนาคมที่ดีกว่าแก่ลูกค้าโดยใช้เทคโนโลยีไร้สายและบรอดแบนด์ไฟเบอร์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านผู้บริโภคบางรายแสดงความกังวลว่า ผู้สูงอายุและผู้ที่ไม่สามารถจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือหรือไม่รู้วิธีใช้งานควรได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์บ้านต่อไป
CWA กล่าวหา AT&T เอาเปรียบพนักงานและลูกค้า
สหภาพแรงงาน CWA มองว่าการตัดสินใจของ AT&T เป็น “แนวทางที่มองระยะสั้น” ที่เอื้อประโยชน์ให้นักลงทุนรายใหญ่ ในขณะที่พื้นที่ชนบทและพนักงานของ AT&T ต้องเดือดร้อน
CWA ยังชี้ให้เห็นว่า AT&T เคยทำเช่นนี้มาก่อนในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ โดยสนับสนุนการลดภาษีนิติบุคคล แต่กลับลดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เลิกจ้างพนักงานหลายหมื่นคน พร้อมกับประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
“เราไม่ได้ถูกหลอกในตอนนั้น และจะไม่ถูกหลอกอีกในตอนนี้ คนทำงานรู้ดีว่าใครได้ประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคล และมันไม่ใช่พวกเรา AT&T อาจลืมบทบาทในประวัติศาสตร์ของตนในการให้บริการที่มีคุณภาพสูงและทั่วถึง แต่เราไม่ลืม เราจะยังคงต่อสู้เพื่องานที่ดีในสหภาพ และบริการโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ที่มีราคาย่อมเยาและเชื่อถือได้สำหรับชาวอเมริกันทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่ไหน” CWA กล่าว
ผลกระทบในวงกว้าง
การตัดสินใจของ AT&T ครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รัฐโอคลาโฮมาเท่านั้น เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา บริษัทประกาศว่าจะยุติบริการโทรศัพท์บ้านในเกือบทุกรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะรื้อถอนสายทองแดงทั้งหมดภายในปี 2029
ประเด็นสำคัญคือ AT&T จะสามารถทำประโยชน์ให้แก่ลูกค้าและพนักงานได้มากกว่าหรือไม่ หากนำเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ไปปรับปรุงเครือข่ายและบริการอื่นๆ แทนที่จะนำไปพยุงราคาหุ้นซึ่งน่าจะอยู่ในพอร์ตการลงทุนของผู้บริหาร AT&T ทุกคนอยู่แล้ว
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของผู้คนในชนบท โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้มีรายได้น้อย เราจำเป็นต้องจับตาดูว่า AT&T จะรักษาสัญญาในการให้บริการที่ดีกว่าแก่ลูกค้าได้จริงหรือไม่ และรัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนยังคงเข้าถึงบริการโทรคมนาคมที่จำเป็นได้