การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ด้าน AI ของ Apple กำลังส่งผลกระทบต่อการพัฒนา Siri และ iPhone รุ่นต่อไป หลังจากความพยายามหลายปีในการรวมทีม AI ภายใต้ผู้นำคนเดียว บริษัทกำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้ทันคู่แข่ง
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนา Siri และโครงการหุ่นยนต์ของ Apple อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของบริษัทในการปรับตัวให้ทันกับการแข่งขันด้าน AI ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของ Apple
ย้อนกลับไปในปี 2018 Apple ได้ว่าจ้าง John Giannandrea (JG) ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จาก Google เพื่อรวมทีมงานด้าน AI ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Siri, งานวิจัย, ฮาร์ดแวร์ AI และแม้แต่โครงการรถยนต์ เป้าหมายคือการเร่งการพัฒนาให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Siri ดูเหมือนจะล้าหลังกว่า Alexa ของ Amazon และ Google Assistant
อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของ Mark Gurman จาก Bloomberg พบว่าโครงสร้างแบบรวมศูนย์นี้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง Apple ดูเหมือนจะตามหลังคู่แข่งในการนำเสนอฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “Apple Intelligence” ที่มีการเปิดตัวล่าช้าและฟีเจอร์หลายอย่างถูกเลื่อนออกไป
แผนการใหม่ของ Apple
Apple จึงตัดสินใจแยกทีม AI กลางออกเป็นส่วนๆ และย้ายกลับไปอยู่ภายใต้โครงสร้างเดิมตามหน้าที่ (ซอฟต์แวร์, ฮาร์ดแวร์) โดย:
- การพัฒนา Siri ย้ายกลับไปอยู่ภายใต้ทีมวิศวกรรมซอฟต์แวร์หลักที่นำโดย Craig Federighi
- โครงการหุ่นยนต์ย้ายไปอยู่ภายใต้ทีมวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ของ John Ternus
- Giannandrea (JG) ยังคงดูแลเทคโนโลยี AI หลัก แต่มุ่งเน้นไปที่โมเดลพื้นฐานและงานวิจัยมากขึ้น
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การจัดระเบียบภายใน แต่สะท้อนให้เห็นว่า Apple รู้สึกว่าโครงสร้างเดิมไม่สามารถส่งมอบผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการ
ความท้าทายจากคู่แข่ง
ในขณะที่ Apple กำลังปรับโครงสร้าง คู่แข่งก็กำลังเร่งเครื่องด้าน AI อย่างเต็มที่:
- Google นำ Gemini AI มาใช้ในทุกๆ ที่ ตั้งแต่ Search ไปจนถึงโทรศัพท์ Pixel และแม้แต่ Samsung Galaxy
- Microsoft ผลักดัน Copilot assistant ในทั้ง Windows และ Office
- Meta นำ AI มาใช้ในแอพต่างๆ และแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban
“การแข่งขันด้าน AI กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และ Apple ก็รู้ดีว่าต้องปรับตัวเพื่อไม่ให้ตกขบวน” – ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
มุมมองต่อการเปลี่ยนแปลง
การย้ายทีมกลับไปยังหน่วยงานตามหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นแนวทางที่ Apple คุ้นเคย มุ่งเน้นความเป็นระบบและประสิทธิภาพ ซึ่งอาจช่วยเร่งการนำ AI ไปใช้ในผลิตภัณฑ์จริงได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก็ทำให้เกิดคำถามว่านี่เป็นการปรับกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด หรือเป็นสัญญาณว่า Apple กำลังประสบปัญหาในการแข่งขันด้าน AI กันแน่
เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยให้ Apple ตามทันคู่แข่งได้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ Apple ตระหนักดีว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อแข่งขันในสนาม AI ที่ร้อนแรงนี้
