สาวกไอโฟนและแอนดรอยด์เตรียมเฮ! หลังจากที่ Apple ยอมรับ RCS ในปีที่แล้ว ล่าสุดบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งคูเปอร์ติโนประกาศว่าจะเพิ่มการเข้ารหัสแบบ end-to-end ให้กับ RCS ในอนาคต นับเป็นก้าวสำคัญในการลดช่องว่างระหว่างผู้ใช้ทั้งสองแพลตฟอร์ม
ก่อนหน้านี้ แม้ Apple จะยอมรับ RCS แต่ก็ยังไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end เหมือน iMessage ทำให้ความปลอดภัยยังด้อยกว่า แต่ด้วยมาตรฐาน RCS ใหม่ล่าสุด ทำให้ Apple สามารถนำการเข้ารหัสแบบ end-to-end มาใช้กับ RCS ได้แล้ว
Apple ประกาศรองรับการเข้ารหัส end-to-end สำหรับ RCS
Apple ได้ออกมาประกาศว่าจะเพิ่มการรองรับการเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับข้อความ RCS ใน iOS, iPadOS, macOS และ watchOS ในอัปเดตซอฟต์แวร์ในอนาคต โดยให้เหตุผลว่า:
“การเข้ารหัสแบบ end-to-end เป็นเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ทรงพลัง ซึ่ง iMessage ได้รองรับมาตั้งแต่ต้น และตอนนี้เรายินดีที่ได้ช่วยนำความพยายามข้ามอุตสาหกรรมเพื่อนำการเข้ารหัสแบบ end-to-end มาสู่โปรไฟล์ RCS สากลที่เผยแพร่โดย GSMA”
ความสำคัญของการเข้ารหัสแบบ end-to-end
การเข้ารหัสแบบ end-to-end มีความสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ เนื่องจาก:
- รับประกันว่าเฉพาะอุปกรณ์ของผู้ส่งและผู้รับเท่านั้นที่สามารถอ่านข้อความได้
- ป้องกันการดักจับข้อมูลระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นจากแฮกเกอร์หรือหน่วยงานอื่นๆ
- เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับการสื่อสาร โดยแม้แต่ Apple หรือผู้ให้บริการเครือข่ายก็ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้
มาตรฐาน RCS ใหม่รองรับการเข้ารหัสข้ามแพลตฟอร์ม
สมาคม GSM (GSMA) ได้ยืนยันว่ามาตรฐาน RCS ล่าสุดรองรับการเข้ารหัสแบบ end-to-end โดยใช้โปรโตคอล Messaging Layer Security (MLS) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่การเข้ารหัสสามารถทำงานข้ามผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างราบรื่น
Tom Van Pelt ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ GSMA กล่าวว่า:
“RCS จะเป็นบริการส่งข้อความรายแรกที่รองรับการเข้ารหัส E2EE แบบใช้งานร่วมกันได้ระหว่างการใช้งานของไคลเอนต์จากผู้ให้บริการต่างๆ เมื่อรวมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ไม่เหมือนใครอื่นๆ เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SIM E2EE จะมอบระดับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ใช้ RCS เพื่อป้องกันการหลอกลวง การฉ้อโกง และภัยคุกคามด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น”
สรุป
การประกาศของ Apple ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการลดช่องว่างระหว่างผู้ใช้ iPhone และ Android โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนว่า Apple จะเริ่มรองรับฟีเจอร์นี้เมื่อใด แต่การที่บริษัทประกาศรองรับมาตรฐานใหม่อย่างรวดเร็ว ก็นับเป็นสัญญาณที่ดีว่าผู้ใช้อาจได้ใช้งานในเร็วๆ นี้