สาวกแอปเปิลต้องตาลุกวาว! ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีกำลังจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การผลิตภาพยนตร์ครั้งใหญ่ โดยหันมาเน้นการฉายผ่านสตรีมมิ่งเป็นหลัก แต่ก็ยังคงมีข้อยกเว้นสำหรับหนังบล็อกบัสเตอร์บางเรื่อง
ตามรายงานล่าสุด แอปเปิลกำลังจะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจภาพยนตร์ให้คล้ายคลึงกับเน็ตฟลิกซ์มากขึ้น โดยจะให้ความสำคัญกับการฉายผ่านสตรีมมิ่งมากกว่าการฉายในโรงภาพยนตร์ เป้าหมายคือการผลิตหนังประมาณ 12 เรื่องต่อปี โดยส่วนใหญ่จะมีงบประมาณต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์
แอปเปิลเปลี่ยนกลยุทธ์หลังหนังบิ๊กบัดเจ็ตไม่ปัง
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หนังฟอร์มยักษ์ล่าสุดของแอปเปิลอย่าง “Killers of the Flower Moon” และ “Napoleon” ไม่สามารถทำรายได้ในโรงภาพยนตร์ได้ตามที่คาดหวังไว้ ทั้งที่มีทีมนักแสดงชื่อดังและใช้งบประมาณมหาศาล
กลยุทธ์ใหม่นี้จะเน้นการจัดสรรงบประมาณส่วนใหญ่ไปที่การผลิตหนังต้นทุนต่ำโดยตรงสำหรับ Apple TV+ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มุ่งเน้นการสร้างคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟเพื่อดึงดูดและรักษาฐานสมาชิก
อย่างไรก็ตาม แอปเปิลยังคงยืนยันที่จะใช้งบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับการผลิตภาพยนตร์ โดยแม้ว่าหนังส่วนใหญ่จะฉายผ่านสตรีมมิ่งเป็นหลัก แต่บริษัทก็ยังคงมีแผนที่จะสร้างหนังฟอร์มยักษ์สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ปีละ 2-3 เรื่อง
ข้อยกเว้นสำหรับหนังบล็อกบัสเตอร์
หนังที่จะได้ฉายในโรงภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์แข่งรถฟอร์มูล่าวันเรื่อง “F1” ที่กำลังจะมาถึง จะเป็นข้อยกเว้นพิเศษ โดยจะมีงบประมาณสูงและแคมเปญการตลาดที่ใหญ่โตกว่าปกติ แต่ก็จะมีระยะเวลาฉายที่จำกัด โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้มีคุณสมบัติเข้าชิงรางวัลและเป็นไปตามความคาดหวังแบบดั้งเดิมของฮอลลีวูด
กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับวิธีการจัดการล่าสุดของแอปเปิลกับภาพยนตร์เรื่อง “Wolfs” ซึ่งฉายในโรงภาพยนตร์แบบจำกัดเพียง 1 สัปดาห์ก่อนที่จะเปิดตัวบน Apple TV+
“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจนำไปสู่โมเดลการผลิตภาพยนตร์ที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับแอปเปิล ช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น ในขณะที่ลดความเสี่ยงทางการเงินลงได้”
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์
การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของแอปเปิลอาจส่งผลกระทบหลายประการต่อวงการภาพยนตร์:
- เร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่สตรีมมิ่งในฐานะแพลตฟอร์มหลักสำหรับการเผยแพร่ภาพยนตร์
- เปิดโอกาสให้ผู้สร้างภาพยนตร์ได้สร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลายและแปลกใหม่มากขึ้น
- ท้าทายโมเดลการฉายในโรงภาพยนตร์แบบดั้งเดิม
- อาจส่งผลให้คุณภาพของภาพยนตร์บางเรื่องลดลงเนื่องจากงบประมาณที่จำกัด
ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าการมุ่งเน้นไปที่ภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่งเป็นหลักนี้จะส่งผลต่อคุณภาพและความหลากหลายของคอนเทนต์บน Apple TV+ อย่างไร จะทำให้เกิดผลงานคุณภาพที่คว้ารางวัลได้อย่าง “CODA” หรือจะกลายเป็นการปล่อยหนังคุณภาพต่ำออกมาเป็นจำนวนมากกันแน่? เราคงต้องติดตามกันต่อไป
นอกจากนี้ ก็น่าสนใจที่จะได้เห็นว่ากลยุทธ์นี้จะส่งผลกระทบต่อสตูดิโออื่นๆ และมีส่วนในการกำหนดอนาคตของการเผยแพร่ภาพยนตร์อย่างไรบ้าง แฟนๆ ภาพยนตร์คงต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดแน่นอนค่ะ