ความฉลาดทางเทคโนโลยีกำลังจะเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราใช้อุปกรณ์ Apple อย่างสิ้นเชิง! วันนี้ Apple ได้เปิดตัว Apple Intelligence อย่างเป็นทางการแล้ว ระบบปัญญาประดิษฐ์ส่วนบุคคลรุ่นใหม่ที่จะมาปฏิวัติประสบการณ์การใช้งาน iPhone, iPad และ Mac ของคุณ ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมายที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เร็วขึ้น และชาญฉลาดกว่าที่เคย
Apple Intelligence ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากชิป Apple Silicon ในการทำความเข้าใจและสร้างภาษาและรูปภาพ ปรับปรุงการทำงาน และยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ โดยยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก ความสามารถเหล่านี้พร้อมใช้งานแล้วหลังจากอัปเดตเป็น iOS 18.1, iPadOS 18.1 และ macOS Sequoia 15.1 มาดูกันว่า Apple Intelligence มีอะไรน่าสนใจบ้าง
เครื่องมือการเขียนอัจฉริยะ
หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Apple Intelligence คือเครื่องมือการเขียนที่ผสานรวมเข้ากับระบบปฏิบัติการของ Apple อย่างลึกซึ้ง เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งงานเขียนของตนได้โดย:
- เขียนใหม่ (Rewrite): เลือกเวอร์ชันที่แตกต่างกันของข้อความและปรับโทนให้เหมาะสม
- ตรวจทาน (Proofread): แนะนำการใช้ไวยากรณ์และคำศัพท์ที่เหมาะสม
- สรุปย่อ (Summarize): ย่อข้อความให้กระชับและเข้าใจง่าย
เครื่องมือเหล่านี้สามารถใช้งานได้ในแอพต่างๆ เช่น Mail, Messages, Notes, Pages รวมถึงแอพของบริษัทอื่นๆ
Siri รุ่นใหม่ ฉลาดล้ำกว่าเดิม
Siri ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ด้วย Apple Intelligence โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้:
- เสียงที่เป็นธรรมชาติและสนทนาได้มากขึ้น
- ดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัย
- ความสามารถในการเข้าใจภาษาที่ดีขึ้น
- รองรับการพิมพ์คำสั่งบน iPhone, iPad และ Mac โดยสลับระหว่างการพิมพ์และการพูดได้อย่างราบรื่น
- ฐานความรู้ที่กว้างขวางขึ้น สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ของ Apple ได้มากขึ้น
แอพ Photos อัจฉริยะ
แอพ Photos ได้รับการอัพเกรดด้วยความสามารถใหม่ๆ ที่น่าทึ่ง:
- ค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติ: ค้นหาภาพและวิดีโอโดยใช้คำอธิบายทั่วไป
- สร้างภาพยนตร์ความทรงจำ: พิมพ์คำอธิบายสั้นๆ แล้ว AI จะเลือกและจัดเรียงภาพและวิดีโอที่ดีที่สุดให้โดยอัตโนมัติ
- เครื่องมือ ‘Clean Up’: ลบวัตถุหรือสิ่งรบกวนที่ไม่ต้องการออกจากภาพ โดยยังคงรักษาคุณภาพและองค์ประกอบโดยรวมของภาพไว้
จัดลำดับความสำคัญและโฟกัส
Apple Intelligence ช่วยให้คุณจัดการงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น:
- Priority Messages: ไฮไลท์อีเมลด่วนในแอพ Mail
- สรุปข้อความ: แสดงรายละเอียดสำคัญโดยไม่ต้องเปิดข้อความ
- Smart Reply: แนะนำข้อความตอบกลับอัตโนมัติและระบุคำถามในอีเมลเพื่อให้แน่ใจว่าได้ตอบครบถ้วน
- สรุปการแจ้งเตือน: สแกนการแจ้งเตือนที่ยาวหรือซ้อนกันได้อย่างรวดเร็วบนหน้าจอล็อค
ฟีเจอร์เสียงขั้นสูง
ในแอพ Notes และ Phone คุณสามารถ:
- บันทึกเสียง
- ถอดเสียงเป็นข้อความ
- สรุปเนื้อหาเสียง
เมื่อเริ่มบันทึกระหว่างการโทรในแอพ Phone ผู้เข้าร่วมสนทนาจะได้รับการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ และ Apple Intelligence จะสร้างสรุปการโทรหลังจากวางสาย
การพัฒนาในอนาคต
Apple ยังประกาศว่าจะมีฟีเจอร์ Apple Intelligence เพิ่มเติมในเดือนธันวาคม และจะทยอยเปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งรวมถึง:
- ฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ด้านภาพใหม่ๆ
- เครื่องมือการเขียนที่ได้รับการปรับปรุง
- การผสานรวมกับ ChatGPT เพื่อเข้าถึงฐานความรู้ที่กว้างขวางและความสามารถในการเข้าใจภาพและเอกสาร
ความเป็นส่วนตัวเป็นหัวใจสำคัญ
Apple เน้นย้ำว่า Apple Intelligence ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก โมเดล AI หลายตัวทำงานบนอุปกรณ์ทั้งหมด และสำหรับคำขอที่ต้องการกำลังประมวลผลมากขึ้น Private Cloud Compute จะขยายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยไปยังคลาวด์โดยไม่จัดเก็บหรือแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้กับ Apple
หากต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ Apple Intelligence ผู้ใช้จำเป็นต้องอัปเดตอุปกรณ์ที่รองรับเป็นเวอร์ชันล่าสุด (iOS 18.1, iPadOS 18.1 และ macOS Sequoia 15.1) ฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานแล้วในภูมิภาคส่วนใหญ่ที่ตั้งค่าภาษาอุปกรณ์และ Siri เป็นภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน โดยจะรองรับภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
Apple Intelligence รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่น ได้แก่:
- iPhone 16 series (iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max)
- iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max
- iPad ที่ใช้ชิป A17 Pro หรือ M1 ขึ้นไป
- Mac ที่ใช้ชิป M1 ขึ้นไป
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติด้าน AI บนอุปกรณ์ Apple เท่านั้น เราจะได้เห็นความสามารถที่น่าตื่นเต้นอีกมากมายในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน! คุณคิดว่าฟีเจอร์ไหนของ Apple Intelligence น่าสนใจที่สุด? แชร์ความคิดเห็นของคุณในคอมเมนต์ด้านล่างกันเลยค่ะ