มาถึงช่วงเปิดตัว iPhone 16 แล้ว แต่ดูเหมือนว่า Apple จะยังคงยึดมั่นกับกลยุทธ์การตั้งราคาแบบเดิมๆ ทั้งที่สถานการณ์ตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก คู่แข่งอย่าง Samsung และ Google ต่างก็มีโปรโมชั่นส่วนลดเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ Apple กลับยังคงทำตัวเหมือนเป็นบริษัทที่อยู่เหนือกว่าใคร ไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาดทั่วไป
ทำไม Apple ถึงควรลดราคา iPhone 16?
การตั้งราคาแบบพรีเมียมของ Apple อาจเคยได้ผลในอดีต แต่ในปัจจุบันอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เนื่องจาก:
- ตลาดสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันสูงขึ้น คู่แข่งมีสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพดีในราคาที่ถูกกว่า
- ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น และมีความอ่อนไหวต่อราคามากกว่าเดิม
- เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
การลดราคาจะช่วยให้ iPhone 16 แข่งขันได้ดีขึ้นกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ ในปี 2024
บทเรียนจากประเทศจีน
Apple เคยประสบปัญหายอดขายตกในประเทศจีนเมื่อปีที่แล้ว แต่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยการ:
- ให้ส่วนลดผ่านร้านค้าปลีกในจีน
- จัดโปรโมชั่นลดราคาโดยตรงจาก Apple
ผลลัพธ์คือยอดขายในจีนเพิ่มขึ้นทันทีถึง 12% แสดงให้เห็นว่าการลดราคาเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผล
“บางครั้งวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดก็ได้ผลดีที่สุด Apple ไม่จำเป็นต้องมีปุ่มควบคุมกล้องใหม่ หรือเน้นย้ำความสามารถด้าน AI ของ iPhone 16 เพื่อทำให้ iPhone กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง สิ่งที่ต้องทำคือทำให้ราคาแข่งขันได้กับสมาร์ทโฟนเรือธงอื่นๆ ในปี 2024”
อะไรที่ทำให้ Apple ไม่ยอมลดราคา?
Apple มักจะมีวิธีนำเสนอสิ่งต่างๆ ในแบบของตัวเอง และคาดหวังให้ผู้ซื้อมองว่าฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้วหลายปีเป็นนวัตกรรมใหม่ ตัวอย่างเช่น:
- Apple Intelligence ชุดฟีเจอร์ AI ของ Apple ที่นำเสนอราวกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
- การเน้นย้ำฟีเจอร์ที่คู่แข่งมีมานานแล้ว แต่เพิ่งมาเปิดตัวบน iPhone
วิธีคิดแบบนี้อาจทำให้ Apple ไม่เห็นความจำเป็นในการลดราคา เพราะเชื่อว่าแบรนด์และนวัตกรรมของตนมีค่าเหนือกว่าคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ผู้บริโภคมีข้อมูลมากขึ้นและเปรียบเทียบสินค้าได้ง่าย กลยุทธ์นี้อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป Apple ควรพิจารณาปรับกลยุทธ์ราคาให้สอดคล้องกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและความนิยมของ iPhone ในระยะยาว