แฟนๆ Android Auto เตรียมตัวให้พร้อม! มีข่าวดีมาแล้วสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้งาน Android Auto ในรถยนต์ เพราะล่าสุดมีการค้นพบโค้ดใหม่ในเวอร์ชันเบต้าที่บ่งชี้ว่า Google กำลังพัฒนาฟีเจอร์ควบคุมอุณหภูมิภายในรถผ่าน Android Auto
นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะทำให้ Android Auto สามารถเข้าถึงระบบภายในรถยนต์ได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่การนำทางและความบันเทิงอีกต่อไป
Android Auto จะควบคุมอุณหภูมิในรถได้?
จากการตรวจสอบโค้ดใน Android Auto เวอร์ชันเบต้า 14 พบว่ามีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระบบปรับอากาศในรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือระบบไล่ฝ้า:
- control_defrost_front: สำหรับควบคุมระบบไล่ฝ้ากระจกหน้า
- control_defrost_rear: สำหรับควบคุมระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ Android Auto จะสามารถควบคุมฟังก์ชันการทำงานของรถได้โดยตรง ซึ่งเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจมาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังไม่มีส่วนติดต่อผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องปรากฏ จึงคาดว่าฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเบื้องต้น และอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะได้เห็นการใช้งานจริง
แจ้งเตือนเหตุการณ์บนท้องถนนที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบโค้ดที่บ่งชี้ว่า Google กำลังพัฒนาการแจ้งเตือนเหตุการณ์บนท้องถนนให้ดีขึ้นด้วย โดยจะมีการเพิ่มหมวดการตั้งค่าใหม่สำหรับการนำทางและการรายงานเหตุการณ์:
“ALERT_SETTINGS_CATEGORY_TITLE”> Alerts
“NAVIGATION_ALERT_SETTING”> Get alerts for reported incidents and other conditions that may impact your drive
ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมความถี่และรูปแบบของการแจ้งเตือนได้ดียิ่งขึ้น แก้ปัญหาการแจ้งเตือนที่รบกวนสมาธิในการขับขี่
ความแตกต่างระหว่าง Android Auto และ Android Automotive OS
หลายคนอาจสงสัยว่า Android Auto ต่างจาก Android Automotive OS อย่างไร ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้:
- Android Auto: เป็นแอปพลิเคชันที่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำหน้าที่ฉายภาพแอปบางส่วนจากมือถือขึ้นบนหน้าจอรถ
- Android Automotive OS: เป็นระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบที่ติดตั้งในรถยนต์ สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
การพัฒนา Android Auto ให้สามารถควบคุมระบบภายในรถได้ อาจเป็นสัญญาณว่า Google ต้องการให้ Android Auto มีความสามารถใกล้เคียงกับ Android Automotive OS มากขึ้น แม้ว่าทั้งสองระบบจะยังคงแตกต่างกันอยู่ก็ตาม
เป็นที่น่าจับตามองว่าในอนาคต Android Auto จะมีบทบาทสำคัญในการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์มากขึ้นเพียงใด และจะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างไรบ้าง