สมาร์ทโฟนยุคใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการนำเสนอฟีเจอร์ AI ที่น่าสนใจและมีประโยชน์จริงๆ ต่อผู้ใช้งาน แม้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยี AI จะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่การนำมาประยุกต์ใช้บนสมาร์ทโฟนยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ต่างพยายามแข่งขันกันนำเสนอฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ แต่ส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักจากผู้ใช้งาน เนื่องจากมองว่าเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดมากกว่าประโยชน์ที่แท้จริง
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ AI บนสมาร์ทโฟน
ย้อนกลับไปในปี 2017 ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มพูดถึงเทคโนโลยี AI เป็นครั้งแรก โดย Huawei กล้าอ้างว่า Mate 10 เป็น “สมาร์ทโฟน AI” ด้วยฟีเจอร์อย่างการแปลภาษาแบบเรียลไทม์และการตรวจจับฉากในกล้อง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เทคโนโลยีวิจารณ์ว่าเป็นเพียงการ “ทำงานอัตโนมัติ” มากกว่า “ปัญญาประดิษฐ์” ที่แท้จริง ทำให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ ระมัดระวังในการใช้คำว่า AI มากขึ้น และหันมาใช้คำว่า “Deep Learning” แทน
สถานการณ์ AI บนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน
ปัจจุบันผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Samsung, Google และ Apple ต่างแข่งขันกันนำเสนอฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ มากมาย แต่ส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักจากผู้ใช้งาน
มีเพียงไม่กี่ฟีเจอร์ที่ได้รับการชื่นชม เช่น:
- ฟีเจอร์สรุปบทความอัตโนมัติบน Galaxy
- การจดบันทึกการโทรอัตโนมัติบน iPhone และ Pixel
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การลบวัตถุออกจากภาพ หรือการสร้างภาพด้วย AI มักถูกมองว่าเป็นเพียงลูกเล่นที่ไม่มีประโยชน์จริงๆ
ความท้าทายด้านจริยธรรมของ AI
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นด้านจริยธรรมที่น่ากังวล เมื่อพบว่า AI ส่วนใหญ่ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลผลงานของมนุษย์ ทั้งรูปภาพ วิดีโอ และเสียงเพลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เกิดคำถามว่าผลงานที่ AI สร้างขึ้นควรถือเป็นงานต้นฉบับ งานลอกเลียน หรือการละเมิดลิขสิทธิ์
การนำเสนอ AI ที่ไม่ตรงความต้องการ
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพยายามนำเสนอฟีเจอร์ AI ที่แก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง เช่น:
“จินตนาการว่าคุณเหนื่อยล้าจากวันทำงาน และดวงตาเริ่มล้า คุณสามารถบอก Galaxy AI ว่าตาคุณล้า และมันจะแนะนำให้เปิดฟิลเตอร์แสงสีฟ้าและเพิ่มขนาดตัวอักษรอย่างชาญฉลาด”
ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่จำเป็น เพราะผู้ใช้สามารถมองออกไปนอกหน้าจอเมื่อรู้สึกเมื่อยล้าได้อยู่แล้ว
อนาคตของ AI บนสมาร์ทโฟน
คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 กระแส AI บนสมาร์ทโฟนจะเริ่มซาลง โดยจะเหลือเพียงฟีเจอร์ที่มีประโยชน์จริงๆ เช่น:
- การสรุปบทความและการโทร
- การค้นหาข้อมูลข้ามแอป
- การค้นหารูปภาพและการตั้งค่าอัจฉริยะ
- การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ (เมื่อพัฒนาให้ดีขึ้น)
ส่วนฟีเจอร์ AI ที่ไม่จำเป็นจะค่อยๆ หายไป เนื่องจากผู้ใช้ไม่เห็นประโยชน์ที่แท้จริง ทำให้คำว่า “AI” อาจกลายเป็นคำต้องห้ามในการทำตลาดสมาร์ทโฟนในอนาคตอันใกล้