ทัโรู้มั้ยว่า PS5 เครื่องเกมสุดล้ำนี้ซ่อนความสามารถสุดเจ๋งไว้ในพอร์ต HDMI เล็กๆ นั่นน่ะ? เรามาดูกันดีกว่าว่ามันเจ๋งแค่ไหน!
PlayStation 5 ใช้ HDMI 2.1 ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดของ High-Definition Multimedia Interface นี่เป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนๆ เลยนะ ทำให้เครื่องสามารถส่งภาพ 4K ที่ 120Hz ได้เลย! แต่นั่นยังไม่หมดนะ HDMI 2.1 ยังมีฟีเจอร์เด็ดๆ อีกเพียบ เช่น Variable Refresh Rate (VRR), Auto Low Latency Mode (ALLM) และ Enhanced Audio Return Channel (eARC) ด้วย! อยากรู้แล้วใช่มั้ยว่าฟีเจอร์พวกนี้จะทำให้เกมของเราสนุกขึ้นยังไง? เดี๋ยวเราจะไปดูกันทีละอย่างเลย!
สรุปประเด็นสำคัญ
- PS5 มีพอร์ต HDMI 2.1 ที่รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 48Gbps
- HDMI 2.1 สนับสนุนความละเอียด 4K ที่ 120Hz ทำให้เล่นเกมลื่นขึ้น
- HDMI 2.1 ของ PS5 มีฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่าง Variable Refresh Rate (VRR) และ Auto Low Latency Mode (ALLM)
- ในกล่อง PS5 มีสาย HDMI 2.0 ให้มาด้วย ซึ่งรองรับ 4K ที่ 60Hz
- ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ใช้สาย Ultra High Speed HDMI เพื่อใช้งานความสามารถของ PS5 ได้เต็มที่
ทำความเข้าใจความสามารถ HDMI ของ PS5
PlayStation 5 มาพร้อมกับพอร์ต HDMI 2.1 ที่ช่วยให้เครื่องใช้เทคโนโลยีจอภาพขั้นสูงและความสามารถแบนด์วิดท์สูงได้ เครื่องเกมรุ่นใหม่นี้รองรับฟีเจอร์ HDMI 2.1 เช่น ความละเอียด 4K ที่ 120Hz, Variable Refresh Rate (VRR) และ Auto Low Latency Mode (ALLM)
ทาง Sony ใจดีมาก ใส่สาย Ultra High Speed HDMI 2.1 มาให้ในกล่อง PS5 ทุกเครื่องเลย เพื่อให้เราได้ใช้ฟีเจอร์จอภาพสุดล้ำพวกนี้ได้ทันทีเมื่อต่อกับทีวีหรือจอมอนิเตอร์ที่รองรับ HDMI 2.1 นะ
PS5 มีพอร์ต HDMI 2.1
แม้ว่า PlayStation 5 จะมาพร้อมกับสาย HDMI 2.0 แต่ที่สำคัญคือมันมีพอร์ต HDMI 2.1 ที่ช่วยให้เราใช้ศักยภาพเต็มที่ของเกมรุ่นใหม่ได้
พอร์ต HDMI 2.1 มีข้อดีเยอะมากเลย:
- รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 48Gbps
- สนับสนุนความละเอียด 4K ที่ 120Hz
- มีฟังก์ชัน Variable Refresh Rate (VRR)
- มี Auto Low Latency Mode (ALLM)
ฟีเจอร์พวกนี้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการเล่นเกมอย่างมาก ทำให้ภาพลื่นไหลและลดอินพุตแล็กเมื่อใช้กับจอภาพที่รองรับ
รองรับฟีเจอร์และความสามารถของ HDMI 2.1
ความสามารถด้าน HDMI ของ PlayStation 5 นั้นไปไกลกว่าสายที่ให้มาในกล่องมากนะ มันรองรับฟีเจอร์ HDMI 2.1 สุดเจ๋งหลายอย่างเลย เครื่องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม แม้ว่าจะมีสาย HDMI 2.0 มาให้ก็ตาม มาดูฟีเจอร์ HDMI 2.1 ที่ PS5 รองรับกัน:
ฟีเจอร์ | คำอธิบาย | ประโยชน์ |
---|---|---|
VRR | Variable Refresh Rate | ลดการฉีกขาดของภาพ |
ALLM | Auto Low Latency Mode | ลดอินพุตแล็ก |
eARC | Enhanced Audio Return Channel | ปรับปรุงคุณภาพเสียง |
4K@120Hz | ความละเอียดและเฟรมเรตสูง | เล่นเกมลื่นขึ้น |
Dynamic HDR | ข้อมูล HDR แบบเฟรมต่อเฟรม | เพิ่มความสมจริงของภาพ |
มีสาย HDMI 2.1 มาให้ในกล่อง
เฮ้! อย่าเพิ่งดีใจไป ความเชื่อที่ว่า PlayStation 5 มีสาย HDMI 2.1 มาให้ในกล่องนั้นไม่จริงนะ ที่จริงแล้ว Sony ให้สาย HDMI 2.0 มา ซึ่งรองรับ:
- ความละเอียด 4K ที่ 60Hz
- HDR (High Dynamic Range)
- HDCP 2.3 (High-bandwidth Digital Content Protection)
- eARC (Enhanced Audio Return Channel)
สายนี้ใช้งานได้ แต่ไม่สามารถใช้ความสามารถ HDMI 2.1 ของ PS5 ได้เต็มที่ เช่น 4K@120Hz หรือ 8K@60Hz
ฟีเจอร์สำคัญของ HDMI 2.1 สำหรับ PS5
HDMI 2.1 มาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ดๆ หลายอย่างที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมบน PlayStation 5 ให้สุดยอดขึ้นไปอีก ความสามารถในการแสดงผล 4K ที่ 120Hz ช่วยให้เกมลื่นไหลและสวยงามมากขึ้น ส่วน Variable Refresh Rate (VRR) ช่วยซิงค์อัตรารีเฟรชของจอกับเฟรมเรตของเครื่อง ทำให้ภาพไม่กระตุก
นอกจากนี้ยังมี Auto Low Latency Mode (ALLM) ที่ปรับการตั้งค่าทีวีให้เหมาะกับการเล่นเกมโดยอัตโนมัติ และ Enhanced Audio Return Channel (eARC) ที่รองรับรูปแบบเสียงคุณภาพสูง ทำให้เสียงในเกมสมจริงยิ่งขึ้น
ความละเอียด 4K ที่ 120Hz
หนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญที่สุดของเทคโนโลยีจอแสดงผลสำหรับเกมคือความสามารถในการแสดงภาพความละเอียด 4K ที่อัตรารีเฟรช 120Hz ฟีเจอร์นี้ที่ HDMI 2.1 ทำให้เป็นไปได้ มีข้อดีเยอะมาก:
- จำนวนพิกเซลเพิ่มขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบกับ 1080p
- เฟรมเรตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจาก 60Hz มาตรฐาน
- ลดการเบลอเมื่อมีการเคลื่อนไหวและการฉีกขาดของภาพ
- เพิ่มความคมชัดและการตอบสนองที่ดีขึ้น
แบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้น (48Gbps) ของ HDMI 2.1 ช่วยให้แสดงผลได้ดีขนาดนี้ ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมบนจอที่รองรับนั้นเหนือชั้นสุดๆ เลย
Variable Refresh Rate (VRR)
Variable Refresh Rate (VRR) เป็นฟีเจอร์เด็ดของเทคโนโลยี HDMI 2.1 ที่ใช้ใน PlayStation 5 ช่วยให้เกมลื่นไหลและกำจัดปัญหาภาพฉีกขาด VRR ปรับอัตรารีเฟรชของจอให้ตรงกับเฟรมเรตที่เครื่องส่งออกมาแบบไดนามิก ทำให้ภาพลื่นไหลสุดๆ
คุณสมบัติ | ไม่มี VRR | มี VRR |
---|---|---|
การจัดการเฟรม | ไม่สม่ำเสมอ | ซิงค์กันพอดี |
ภาพฉีกขาด | มี | ไม่มี |
อินพุตแล็ก | สูงกว่า | ลดลง |
ความลื่นไหลของภาพ | แย่กว่า | ดีขึ้น |
Auto Low Latency Mode (ALLM)
ฟีเจอร์สำคัญอีกอย่างของเทคโนโลยี HDMI 2.1 ที่มีใน PlayStation 5 คือ Auto Low Latency Mode (ALLM) ฟีเจอร์นี้ช่วยให้เล่นเกมได้ดีขึ้นโดย:
- ตรวจจับว่ากำลังเล่นเกมอยู่โดยอัตโนมัติ
- สลับจอไปเป็นโหมดที่มีความหน่วงต่ำ
- ข้ามขั้นตอนการประมวลผลภาพหลังจากได้รับสัญญาณ
- ลดอินพุตแล็กทำให้ตอบสนองได้เร็วขึ้น
ALLM ช่วยให้สลับระหว่างการเล่นเกมกับการดูคอนเทนต์อื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องปรับตั้งค่าเอง ทำให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดโดยมีความหน่วงต่ำสุด
Enhanced Audio Return Channel (eARC)
ในขณะที่ ALLM เน้นเรื่องการลดความหน่วงสำหรับเกม Enhanced Audio Return Channel (eARC) ช่วยปฏิวัติความสามารถในการส่งสัญญาณเสียงของ PlayStation 5 eARC เป็นฟีเจอร์ขั้นสูงของ HDMI 2.1 ที่พัฒนาต่อยอดจาก ARC โดยเพิ่มแบนด์วิดท์สำหรับการส่งข้อมูลเสียงให้สูงขึ้น
นี่ทำให้สามารถส่งเสียงแบบไม่บีบอัดและบิตเรตสูงอยางเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos และ DTS:X ได้ ช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้นและสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงมากขึ้นผ่านอุปกรณ์เสียงที่รองรับ
วิธีใช้งาน HDMI ของ PS5 ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจากการใช้งาน HDMI บน PlayStation 5 ของคุณ ให้ใช้สาย HDMI 2.1 ที่มาพร้อมกับเครื่องนะ สายนี้มีแบนด์วิดท์สูงและรองรับฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่าง Variable Refresh Rate (VRR) กับ Auto Low Latency Mode (ALLM) ด้วย
ถ้าอยากให้เครื่องทำงานได้เต็มสูบ ต้องแน่ใจว่าทีวีของคุณรองรับมาตรฐาน HDMI 2.1 ด้วยนะ จะได้ใช้ความสามารถของ PS5 ได้เต็มที่ โดยเฉพาะการแสดงผล 4K ที่ 120Hz
แต่ไม่ต้องกังวลถ้าทีวีคุณยังเป็น HDMI 2.0 อยู่ PS5 ก็ยังใช้งานได้ แค่อาจจะมีบางฟีเจอร์ที่ใช้ไม่ได้หรือถูกจำกัดไปบ้างเท่านั้นเอง
ใช้สาย HDMI 2.1 ที่มาในกล่องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การใช้งาน HDMI ของ PlayStation 5 ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดเริ่มต้นจากการใช้สาย HDMI 2.1 ที่มาในกล่องนี่แหละ สายนี้ช่วยให้:
- แสดงผล 4K ที่ 120Hz ได้
- ใช้ Variable Refresh Rate (VRR) เพื่อให้ภาพลื่นไหลขึ้น
- เปิดใช้ Auto Low Latency Mode (ALLM) เพื่อลดอินพุตแล็ก
- ใช้ Enhanced Audio Return Channel (eARC) สำหรับเสียงคุณภาพสูง
แบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้น (48Gbps) ของสาย HDMI 2.1 ช่วยให้ใช้ฟีเจอร์พวกนี้ได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ประสิทธิภาพและภาพที่สวยงามที่สุดเมื่อต่อกับจอที่รองรับ
ตรวจสอบว่าทีวีของคุณรองรับ HDMI 2.1 เพื่อใช้งานได้ครบทุกฟีเจอร์
ถ้าอยากใช้ความสามารถของ PlayStation 5 ให้เต็มที่ คุณต้องมีทีวีที่รองรับมาตรฐาน HDMI 2.1 ด้วยนะ เพื่อให้ใช้ฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่าง 4K ที่ 120Hz, Variable Refresh Rate (VRR), Auto Low Latency Mode (ALLM) และ Enhanced Audio Return Channel (eARC) ได้ ลองเช็คดูว่าทีวีของคุณรองรับ HDMI 2.1 มั้ย
ถ้าทีวีไม่รองรับ HDMI 2.1 PS5 ก็ยังใช้งานได้นะ แต่อาจจะไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในแง่ของเฟรมเรตและความสวยงามของภาพ
สามารถใช้งานกับทีวี HDMI 2.0 ได้ แต่ฟีเจอร์บางอย่างจะถูกจำกัด
แม้ว่าการใช้งานกับจอ HDMI 2.1 จะให้ฟีเจอร์ครบเครื่องที่สุด แต่เจ้าของทีวี HDMI 2.0 ก็ไม่ต้องเสียใจไปนะ PS5 ยังใช้งานกับจอ HDMI 2.0 ได้อยู่ แค่มีข้อจำกัดนิดหน่อย:
- ความละเอียด 4K จะทำได้แค่ 60Hz
- ไม่สามารถใช้ Variable Refresh Rate (VRR) ได้
- ไม่รองรับ Auto Low Latency Mode (ALLM)
- ไม่มีฟังก์ชัน Enhanced Audio Return Channel (eARC)
แม้จะมีข้อจำกัดพวกนี้ แต่การเล่นเกม PS5 บนทีวี HDMI 2.0 ก็ยังให้ประสบการณ์ที่สนุกได้อยู่นะ
แนะนำสาย HDMI
เพื่อใช้ความสามารถ HDMI 2.1 ขั้นสูงของ PlayStation 5 ให้เต็มที่ โดยเฉพาะการแสดงผล 4K ที่ 120Hz คุณจำเป็นต้องใช้สาย Ultra High Speed HDMI นะ สาย HDMI ธรรมดาใช้งานพื้นฐานได้ แต่จะจำกัดการเข้าถึงฟีเจอร์ล้ำๆ อย่าง Variable Refresh Rate (VRR) และ Auto Low Latency Mode (ALLM)
ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพสูงสุดและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต แนะนำให้ใช้สาย Ultra High Speed HDMI ที่รองรับแบนด์วิดท์เต็ม 48Gbps ตามมาตรฐาน HDMI 2.1 เลย
จำเป็นต้องใช้สาย Ultra High Speed HDMI สำหรับ 4K@120Hz
ถ้าอยากให้ PS5 แสดงผล 4K ที่ 120Hz ได้ ต้องใช้สาย Ultra High Speed HDMI นะ สายแบบนี้มีข้อดีเยอะ:
- รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 48Gbps
- ทำให้แสดงผล 4K@120Hz หรือ 8K@60Hz ได้
- รองรับ Variable Refresh Rate (VRR)
- สนับสนุน Dynamic HDR
สาย Ultra High Speed HDMI ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะส่งข้อมูลได้ดีที่สุดสำหรับ เกมที่ภาพสวยคมชัด และยังใช้งานร่วมกับ HDMI รุ่นเก่าได้ด้วย แต่ถ้าอยากใช้ฟีเจอร์ HDMI 2.1 เต็มๆ ต้องใช้สายแบบนี้เท่านั้น
สาย HDMI ทั่วไปใช้ได้ แต่จะจำกัดฟีเจอร์ขั้นสูง
โดยทั่วไปสาย HDMI ธรรมดา รวมถึงสายที่มากับ PlayStation 5 ก็ใช้เชื่อมต่อเครื่องกับจอได้นะ แต่มันจะจำกัดการใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง 4K ที่ 120Hz, Variable Refresh Rate (VRR) และ Auto Low Latency Mode (ALLM)
ถ้าอยากใช้ความสามารถของ PS5 ให้เต็มที่ แนะนำให้ใช้สาย Ultra High Speed HDMI ที่รองรับมาตรฐาน HDMI 2.1 นะ จะได้แบนด์วิดท์และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดสำหรับเกมรุ่นใหม่
การเชื่อมต่อ PS5 กับทีวีของคุณ
เวลาต่อ PlayStation 5 กับทีวี สิ่งสำคัญคือต้องเช็คดูว่าทีวีของคุณรองรับฟีเจอร์ HDMI 2.1 มั้ย เพื่อให้ใช้งานความสามารถของเครื่องได้เต็มที่
อย่าลืมเปิด โหมดเกม บนทีวีด้วยนะ จะได้ลดอินพุตแล็กและตอบสนองได้ไวขึ้นตอนเล่นเกม
นอกจากนี้ แนะนำให้อัพเดทเฟิร์มแวร์ของทีวีให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วย จะได้เข้ากันได้ดีกับ PS5 และใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่อาจจะมีเพิ่มเข้ามาได้
เช็คว่าทีวีรองรับฟีเจอร์ HDMI 2.1 มั้ย
เพื่อให้ ประสิทธิภาพดีที่สุด เวลาต่อ PlayStation 5 กับทีวี คุณต้องเช็คให้แน่ใจว่าทีวีรองรับฟีเจอร์ HDMI 2.1 นะ
ลองดูว่าทีวีของคุณรองรับพวกนี้มั้ย:
- ความละเอียด 4K ที่ 120Hz
- Variable Refresh Rate (VRR) เพื่อให้เกมลื่นขึ้น
- Auto Low Latency Mode (ALLM) เพื่อลดอินพุตแล็ก
- Enhanced Audio Return Channel (eARC) สำหรับเสียงคุณภาพสูง
ลองเช็คในคู่มือหรือเว็บไซต์ของผู้ผลิตทีวีดูนะ จะได้ใช้งาน PS5 ได้เต็มประสิทธิภาพ ที่สุด
เปิดโหมดเกมบนทีวีเพื่อลดอินพุตแล็ก
อย่าลืมเปิด โหมดเกม บนทีวีทุกครั้งที่เล่น PlayStation 5 นะ ฟีเจอร์นี้ช่วยลด อินพุตแล็ก โดยปิดการประมวลผลภาพบางอย่าง ทำให้การตอบสนองระหว่างการกดปุ่มกับการแสดงผลบนหน้าจอเร็วขึ้น
โหมดเกมยังช่วยลดปัญหาภาพกระตุกและ เฟรมเรตตก ทำให้เกมลื่นไหลขึ้นด้วย ถ้าจะเปิดใช้งาน ให้เข้าไปที่เมนูตั้งค่าภาพของทีวี แล้วเลือกตัวเลือกโหมดเกม
อัพเดทเฟิร์มแวร์ทีวีเพื่อให้เข้ากันได้ดีกับ PS5
ผู้ผลิตทีวีมักจะออก อัพเดทเฟิร์มแวร์ บ่อยๆ เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกับอุปกรณ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึง PlayStation 5 ด้วย
ถ้าอยากให้ PS5 ทำงานได้ดีที่สุด ให้ทำตามนี้:
- เช็คเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ปัจจุบันของทีวี
- เข้าไปดูที่ เว็บไซต์ของผู้ผลิตทีวี ว่ามีอัพเดทใหม่มั้ย
- ดาวน์โหลดและติดตั้งเฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุด
- รีสตาร์ททีวีเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล
การอัพเดทพวกนี้อาจจะช่วยปรับปรุงการทำงานของ HDMI 2.1, เพิ่มการรองรับ VRR หรือทำให้ HDR ดีขึ้น ทำให้ทีวีเข้ากันได้ดีกับ PS5 และทำงานได้ดีที่สุด
สรุป
สรุปแล้ว PlayStation 5 ใช้พอร์ต HDMI 2.1 ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 48Gbps และรองรับการแสดงผล 4K ที่ 120Hz นะ มาตรฐานนี้ทำให้ใช้ฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่าง VRR, ALLM และ eARC ได้ ช่วยให้เกมทำงานได้ดีขึ้นและภาพสวยขึ้น ถ้าอยากใช้ความสามารถพวกนี้ให้เต็มที่ ต้องใช้สาย Ultra High Speed HDMI นะ
การตั้งค่า HDMI ของ PS5 ให้ถูกต้อง พร้อมกับใช้จอภาพที่รองรับ จะช่วยให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุด เป็นไงบ้าง? PS5 เจ๋งขนาดนี้ คุณอยากลองเล่นดูแล้วใช่มั้ยล่ะ!