Snapdragon 8 Gen 4 เผยโฉม! พลิกโฉมสมาร์ทโฟนด้วย AI และกราฟิกสุดล้ำ

Snapdragon 8 Gen 4

รู้มั้ยคะว่าชิป Snapdragon 8 Gen 4 ตัวใหม่นี่มันเจ๋งแค่ไหน? มันจะมาพลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟนเลยนะ! ชิปตัวนี้ใช้เทคโนโลยี 3nm ล่าสุด มาพร้อมกับ CPU Oryon สุดแรง และ GPU Adreno 830 ที่ทรงพลัง ซึ่งสัญญาว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และมีความสามารถด้าน AI ที่ล้ำหน้ามากๆ เลยค่ะ

แม้ว่าสเปคจะดูเทพมากบนกระดาษ แต่เราก็ต้องรอดูกันว่าในชีวิตจริงมันจะเจ๋งขนาดไหน มือถือเรือธงที่ใช้ชิปตัวนี้จะออกมาในปี 2025 นี่แหละ เราเลยต้องมาดูกันว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพวกนี้จะส่งผลดีต่อผู้ใช้และนักพัฒนายังไงบ้างนะคะ

ประเด็นสำคัญ

  • Snapdragon 8 Gen 4 มาพร้อม CPU Oryon ที่แรงถึง 4.09 GHz เพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 24% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
  • GPU Adreno 830 ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 43-56% ด้วยความเร็วสูงสุด 1.25 GHz บนกระบวนการผลิต 3nm
  • เพิ่มความสามารถด้าน AI ผ่าน Hexagon Tensor Processor ทำให้ทำงาน AI แบบ real-time และประมวลผลภาพขั้นสูงได้
  • รวม Snapdragon X80 5G modem มาด้วย รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 เพื่อการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นและหน่วงน้อยลง
  • คะแนน AnTuTu v10 ทะลุ 3 ล้าน โดยคะแนน single-core เกือบถึง 2,900 และ multi-core เกิน 10,600 ใน GeekBench

พลังที่ไม่เคยมีมาก่อน: CPU Oryon และ GPU Adreno 830

เทคโนโลยี 3nm ของ TSMC ในชิป Snapdragon 8 Gen 4

การย้ายไปใช้เทคโนโลยี 3nm ของ TSMC ในชิป Snapdragon 8 Gen 4 นี่ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการผลิตชิปมือถือเลยนะคะ หัวใจสำคัญของ SoC ตัวนี้คือสถาปัตยกรรม CPU แบบปฏิวัติที่มี Oryon cores ประสิทธิภาพสูง 2 แกนที่ความเร็ว 4.09 GHz และ Oryon cores ประหยัดพลังงานอีก 6 แกนที่ความเร็ว 2.78 GHz

ส่วน GPU Adreno 830 ก็เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับความสามารถด้านกราฟิกบนมือถือครั้งใหญ่ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานให้กับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนรุ่นต่อไปได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะค่ะ

เทคโนโลยี 3nm สุดล้ำ

Snapdragon 8 Gen 4 ใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรล่าสุดของ TSMC นะคะ ซึ่งเทคนิคการผลิตขั้นสูงนี้ให้ประโยชน์มากมาย:

พารามิเตอร์ 3nm vs 4nm ผลกระทบ
ความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ +70% การรวมวงจรสูงขึ้น
การใช้พลังงาน -30% ประสิทธิภาพดีขึ้น
ประสิทธิภาพ +15% ความเร็วสูงขึ้น
ขนาดไดอ์ -20% ดีไซน์กะทัดรัด
ประสิทธิภาพด้านความร้อน +25% ระบายความร้อนดีขึ้น

การพัฒนาเหล่านี้ทำให้อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น ช่วยให้มือถือมีพลังแรงขึ้นแต่ใช้พลังงานน้อยลงด้วยค่ะ

แกน Oryon ประสิทธิภาพสูง 2 แกนที่ความเร็ว 4.09 GHz

หัวใจของ CPU ใน Snapdragon 8 Gen 4 คือแกน Oryon ประสิทธิภาพสูง 2 แกนที่ทำความเร็วได้ถึง 4.09 GHz เลยนะคะ ซึ่งถือว่าเร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 24% เลยทีเดียว!

แกน Oryon พวกนี้ Qualcomm ออกแบบมาเองเลย เพื่อให้ทำงานหนักๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รันแอพที่ใช้พลังเยอะๆ หรือทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ดีขึ้นมากเลยล่ะ

แกน Oryon ประหยัดพลังงาน 6 แกนที่ความเร็ว 2.78 GHz

นอกจากแกนแรงๆ แล้ว ก็ยังมีแกน Oryon อีก 6 แกนที่เน้นประหยัดพลังงาน ทำงานที่ความเร็ว 2.78 GHz ค่ะ แกนพวกนี้จะช่วยประหยัดแบตตอนใช้งานทั่วๆ ไป ทำให้สมดุลระหว่างพลังและอายุการใช้งานแบตเตอรี่

การใช้สถาปัตยกรรม Oryon ในทุกแกนแบบนี้ ต่างจากการใช้ Cortex ของ ARM แบบเดิมๆ นะคะ อาจจะช่วยให้จัดการคำสั่งและประหยัดพลังงานได้ดีขึ้นในการทำงานระดับกลางๆ

GPU Adreno 830: ก้าวกระโดดของความสามารถด้านกราฟิกบนมือถือ

GPU Adreno 830 นี่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เลยค่ะสำหรับ Snapdragon 8 Gen 4 มันทำให้การประมวลผลภาพบนมือถือก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น 43-56% จากรุ่นก่อน ความเร็วอาจจะสูงถึง 1.25GHz เลยนะ มาดูกันว่ามันเจ๋งแค่ไหน:

เกณฑ์ Adreno 830 Adreno 750
คะแนน GPU ใน AnTuTu 1,299,125 ประมาณ 830,000
ประสิทธิภาพใน 3DMark +56% ค่าพื้นฐาน
ความเร็ว สูงสุด 1.25GHz 719MHz
กระบวนการผลิต 3nm 4nm

การเร่งความเร็ว AI: Hexagon Tensor Processor

Hexagon Tensor Processor ใน Snapdragon 8 Gen 4

Hexagon Tensor Processor ใน Snapdragon 8 Gen 4 นี่ช่วยยกระดับการประมวลผล AI บนตัวเครื่องได้สุดๆ เลยค่ะ ทำให้ทำงาน machine learning ขั้นสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดนอยส์และเพิ่มความละเอียดของภาพได้ดีขึ้น ทำให้คุณภาพภาพและวิดีโอในแอพต่างๆ ดีขึ้นเยอะเลย

โครงสร้างของมันถูกออกแบบมาให้ทำงานซับซ้อนๆ ได้ดี ช่วยให้เทคนิคการปรับแต่งภาพขั้นสูงทำงานได้ดีขึ้น ยกระดับการถ่ายภาพบนมือถือและประสบการณ์ AR ให้ล้ำไปอีกขั้นเลยล่ะ

เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI บนตัวเครื่อง

จุดเด่นของ Snapdragon 8 Gen 4 คือการเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI บนตัวเครื่องผ่าน Hexagon Tensor Processor นี่แหละค่ะ

ตัวนี้ช่วยให้:

  • ทำงาน AI แบบ generative ได้เร็วขึ้น
  • ลดนอยส์ในภาพได้ดีขึ้น
  • เพิ่มความละเอียดของภาพแบบ super-resolution
  • ประมวลผลวิดีโอด้วย AI แบบ real-time

Hexagon Tensor Processor นี่ใช้หน่วยคำนวณแบบพิเศษ ทำให้ทำงาน AI ได้เร็วและมีประสิทธิภาพกว่ารุ่นก่อนๆ มากเลยล่ะ

ปรับปรุงการลดนอยส์และเพิ่มความละเอียด

Hexagon Tensor Processor ใน Snapdragon 8 Gen 4 นี่ช่วยให้ลดนอยส์และเพิ่มความละเอียดของภาพได้ดีขึ้นมากๆ เลยค่ะ มันใช้อัลกอริทึมสุดล้ำในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลภาพ ช่วยลดนอยส์แต่ยังคงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไว้ได้

นอกจากนี้ยังใช้โมเดล deep learning ในการเพิ่มความละเอียดของภาพความละเอียดต่ำ ช่วยสร้างพื้นผิวที่ละเอียดและเพิ่มคุณภาพภาพโดยรวมได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสุดๆ

ความสามารถในการปรับแต่งภาพขั้นสูง

นอกจากลดนอยส์และเพิ่มความละเอียดแล้ว Hexagon Tensor Processor ใน Snapdragon 8 Gen 4 ยังช่วยยกระดับการปรับแต่งภาพไปอีกขั้นด้วยนะคะ ตัว AI นี้ช่วยให้ทำอะไรเจ๋งๆ ได้เพียบเลย:

  • ประมวลผล HDR แบบ real-time
  • แยกแยะองค์ประกอบของภาพอย่างชาญฉลาด
  • ปรับโทนสีให้เหมาะสมที่สุด- รวมหลายเฟรมเข้าด้วยกันเพื่อให้ภาพในที่แสงน้อยดีขึ้น

หน่วยประมวลผลแบบพิเศษนี้ช่วยยกระดับการถ่ายภาพด้วยคอมพิวเตอร์ได้สุดๆ เลยค่ะ มันใช้อัลกอริทึม machine learning ในการวิเคราะห์และปรับแต่งข้อมูลภาพได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากๆ

การเชื่อมต่อและความเร็ว

Snapdragon 8 Gen 4 มาพร้อมกับโมเด็ม 5G

Snapdragon 8 Gen 4 มาพร้อมกับโมเด็ม 5G Snapdragon X80 ตัวใหม่ล่าสุด ช่วยให้การเชื่อมต่อมือถือและประสิทธิภาพเครือข่ายดีขึ้นเยอะเลย

นอกจากนี้ยังรองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ด้วยนะคะ ทำให้อุปกรณ์มือถือรุ่นใหม่ๆ มีความสามารถในการสื่อสารไร้สายที่ล้ำสมัยมากๆ

ชิปนี้ยังมีอินเตอร์เฟซ UFS 4.0 สำหรับหน่วยความจำด้วย ซึ่งอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,500 MB/s เลยนะคะ ช่วยให้เข้าถึงและถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้นมาก ทำให้ระบบตอบสนองไวและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การรวมโมเด็ม 5G Snapdragon X80

การที่ Snapdragon 8 Gen 4 รวมโมเด็ม X80 5G เข้ามาด้วยนี่ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในเรื่องการเชื่อมต่อบนมือถือเลยนะคะ โมเด็มตัวใหม่นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายและการทำงานให้ดีขึ้น รองรับความสามารถ 5G ล่าสุดด้วย

ฟีเจอร์เด็ดๆ มีดังนี้:

  • รองรับ LTE Cat. 24
  • ใช้งาน Wi-Fi 7 ได้
  • มี Bluetooth 5.4 ในตัว
  • จัดการพลังงานได้ดีขึ้น

โมเด็ม X80 5G นี่ช่วยให้ดาวน์โหลดและอัพโหลดได้เร็วขึ้น ลดความหน่วง และเพิ่มความเสถียรของเครือข่ายด้วยค่ะ การรวมเข้ามาในชิปแบบนี้ช่วยให้อุปกรณ์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และผู้ใช้ก็จะได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นด้วย ทำให้ Snapdragon 8 Gen 4 เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อบนมือถือเลยล่ะ

รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4

การเชื่อมต่อไร้สายของ Snapdragon 8 Gen 4 นี่ล้ำไปอีกขั้นเลยค่ะ ด้วยการรองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 มาตรฐานใหม่ล่าสุดพวกนี้มีอะไรเจ๋งๆ หลายอย่างเลย:

คุณสมบัติ Wi-Fi 7 Bluetooth 5.4
ความเร็วสูงสุด 46 Gbps 3 Mbps
ย่านความถี่ 2.4 GHz, 5 GHz, 6 GHz 2.4 GHz
จุดเด่น ช่องสัญญาณกว้าง 320 MHz การโฆษณาแบบ Periodic

Wi-Fi 7 มีการทำงานแบบหลายลิงก์และใช้การมอดูเลต 4K QAM ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลขึ้นมากๆ ส่วน Bluetooth 5.4 มีการโฆษณาแบบ Periodic ที่ดีขึ้น ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้ดีขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วยค่ะ

หน่วยความจำ UFS 4.0 ที่อ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,500 MB/s

พูดถึงเรื่องความเร็วกันต่อนะคะ นอกจากการเชื่อมต่อไร้สายแล้ว Snapdragon 8 Gen 4 ยังมาพร้อมเทคโนโลยี UFS 4.0 สำหรับหน่วยความจำด้วย ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในเรื่องความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลเลยล่ะ มันทำอะไรได้เจ๋งๆ แบบนี้:

  • อ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,500 MB/s
  • เขียนข้อมูลได้เร็วถึง 4,000 MB/s
  • ประหยัดพลังงานกว่า UFS 3.1
  • ทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ดีขึ้น

สเปคพวกนี้แปลว่าแอพจะโหลดเร็วขึ้น ไม่มีปัญหาคอขวดเรื่องข้อมูล และระบบโดยรวมจะตอบสนองได้ไวขึ้นมากๆ เลยค่ะ การใช้ UFS 4.0 นี่สอดคล้องกับจุดเน้นของชิปตัวนี้ที่ต้องการให้ประมวลผลได้แรงและรองรับ AI ขั้นสูงได้ดีด้วย

ประสิทธิภาพที่ทำลายสถิติเบนช์มาร์ก

ผลเบนช์มาร์กของ Snapdragon 8 Gen 4

ผลเบนช์มาร์กของ Snapdragon 8 Gen 4 นี่ทำลายสถิติเลยนะคะ มันแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกของโปรเซสเซอร์มือถือเลย คะแนน AnTuTu v10 ของมันทะลุ 3 ล้านไปแล้ว ถือเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับประสิทธิภาพระบบโดยรวมเลยล่ะ

นอกจากนี้ คะแนน GeekBench ก็สุดยอดมากๆ คะแนน single-core เกือบถึง 2,900 แล้ว ส่วน multi-core ก็ทะลุ 10,600 ไปแล้ว แสดงให้เห็นว่ามันพัฒนาขึ้นมากทั้งในแง่การประมวลผลแบบ single-thread และแบบขนานเลยค่ะ

คะแนน AnTuTu v10 ทะลุ 3 ล้าน

คะแนน AnTuTu v10 ของ Snapdragon 8 Gen 4 นี่ทำลายสถิติเก่าๆ ไปหมดแล้วค่ะ มันทะลุ 3 ล้านไปถึง 3,070,269 คะแนนเลยนะ! ประสิทธิภาพสุดยอดแบบนี้เกิดจาก:

  • คะแนน single-core: 687,996
  • คะแนน GPU: 1,299,125
  • ใช้เทคโนโลยี 3nm ของ TSMC
  • แกน CPU Oryon ความเร็ว 4.09 GHz

GPU Adreno 830 นี่มีส่วนสำคัญมากๆ ในการทำคะแนนนี้ แสดงให้เห็นว่ามันพัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนเยอะมาก ผลลัพธ์พวกนี้บอกเลยว่ามันเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในวงการประมวลผลบนมือถือเลยล่ะค่ะ

คะแนน single-core ใน GeekBench เกือบถึง 2,900

ประสิทธิภาพที่ทำลายสถิติของ Snapdragon 8 Gen 4 ยังไม่หมดแค่นี้นะคะ คะแนน single-core ใน GeekBench ของมันก็เกือบถึง 2,900 แล้ว! ตัวเลขที่น่าทึ่งนี้แสดงถึงการพัฒนาขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนเลย ซึ่งเป็นผลมาจากแกน CPU Oryon ตัวใหม่และกระบวนการผลิตแบบ 3nm

คะแนน single-core ที่สูงขนาดนี้แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพการคำนวณดีขึ้นมากๆ โดยเฉพาะสำหรับงานที่ต้องการการประมวลผลแบบต่อเนื่องและรวดเร็วในแอพมือถือต่างๆ

ประสิทธิภาพ multi-core ทะลุ 10,600

นอกจากแรงในแบบ single-core แล้ว SoC เรือธงตัวล่าสุดของ Qualcomm ยังทำคะแนน multi-core ได้สุดยอดด้วยนะคะ Snapdragon 8 Gen 4 ทำคะแนน GeekBench multi-core ได้ประมาณ 10,628 ซึ่งถือว่าเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในเรื่องประสิทธิภาพเลย

  • เพิ่มขึ้น 46% จาก Snapdragon 8 Gen 3
  • ใช้แกน Oryon 2 แกนประสิทธิภาพสูงและ 6 แกนประหยัดพลังงาน
  • ความเร็ว: 4.09 GHz (ประสิทธิภาพสูง) และ 2.78 GHz (ประหยัดพลังงาน)
  • เทคโนโลยี 3nm ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

ผลเบนช์มาร์กนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชิปในการทำงานหนักๆ หลายอย่างพร้อมกัน และงานที่ต้องประมวลผลแบบขนานได้ดีมากๆ เลยล่ะค่ะ

คุณสมบัติพร้อมรับอนาคต

การรองรับ RAM แบบ LPDDR5X หรือ LPDDR6

Snapdragon 8 Gen 4 แสดงให้เห็นว่ามันพร้อมรับอนาคตด้วยการรองรับ RAM แบบ LPDDR5X หรือ LPDDR6 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำและความสามารถด้าน AI

ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ โมเด็ม Snapdragon X80 5G ที่รวมมาในชิปนี้ยังมีฟีเจอร์การสื่อสารผ่านดาวเทียมด้วยนะคะ ช่วยขยายตัวเลือกในการเชื่อมต่อนอกเหนือจากเครือข่ายภาคพื้นดินทั่วไป สเปคสุดล้ำพวกนี้ทำให้ Snapdragon 8 Gen 4 เป็นหัวใจสำคัญของมือถือเรือธงแอนดรอยด์ในปี 2025 เลยล่ะ สัญญาว่าจะยกระดับพลังการประมวลผลและฟังก์ชั่นการใช้งานบนมือถือไปอีกขั้นเลยค่ะ

อาจรองรับ RAM แบบ LPDDR5X หรือ LPDDR6

ในเรื่องของหน่วยความจำ Snapdragon 8 Gen 4 น่าจะรองรับ LPDDR5X หรืออาจจะเป็น LPDDR6 เลยด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าอยู่แถวหน้าสุดของเทคโนโลยีหน่วยความจำบนมือถือเลยนะคะ การพัฒนานี้จะช่วยให้:

  • รับส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นสำหรับงานที่ต้องใช้ข้อมูลเยอะๆ
  • ประหยัดพลังงานมากขึ้น
  • ทำงาน AI ได้ดีขึ้น
  • โหลดแอพและทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้เร็วขึ้น

การใช้ RAM เทคโนโลยีล่าสุดแบบนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของ SoC ตัวนี้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงสุด ช่วยให้ทำงานซับซ้อนๆ และรัน AI ได้ลื่นไหลมากขึ้นค่ะ

ความสามารถในการสื่อสารผ่านดาวเทียม

ความสามารถในการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่มีในตัวนี่ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ Snapdragon 8 Gen 4 เลยนะคะ ทำให้มันเป็น SoC ที่พร้อมรับอนาคตจริงๆ

โมเด็ม Snapdragon X80 5G ที่มาพร้อมกับชิปนี้ช่วยให้เชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรงเลย ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ส่งข้อความฉุกเฉินและบอกตำแหน่งได้แม้อยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณเครือข่ายภาคพื้นดิน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้และขยายขอบเขตการสื่อสารของมือถือรุ่นใหม่ๆ ได้อีกเยอะเลยล่ะ

พร้อมขับเคลื่อนมือถือเรือธงแอนดรอยด์ปี 2025

Snapdragon 8 Gen 4 นี่พร้อมที่จะปฏิวัติวงการมือถือแอนดรอยด์เรือธงในปี 2025 เลยนะคะ มันมาพร้อมกับฟีเจอร์ล้ำๆ มากมายที่ทำให้มันเป็นหัวใจสำคัญของการประมวลผลบนมือถือยุคถัดไปเลย

  • ใช้กระบวนการผลิต 3nm ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น
  • แกน CPU Oryon ที่แรงสุดๆ ถึง 4.09 GHz
  • GPU Adreno 830 ที่แรงระดับเทียบชั้นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
  • Hexagon Tensor Processor สำหรับงาน AI ขั้นสูง

สถาปัตยกรรมล้ำสมัยของ SoC ตัวนี้รับประกันว่าจะให้ประสิทธิภาพสุดยอดสำหรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้ง AI บนตัวเครื่อง AR และเกมคุณภาพสูง การนำมันมาใช้จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานบนมือถือแอนดรอยด์เรือธงให้ล้ำไปอีกขั้นเลยล่ะค่ะ

สรุป

Snapdragon 8 Gen 4 นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการสถาปัตยกรรมการประมวลผลบนมือถือเลยนะคะ CPU Oryon และ GPU Adreno 830 บนกระบวนการผลิต 3nm ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ให้ประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานได้ดีขึ้นมากๆ

การรวมตัวเร่งความเร็ว AI ขั้นสูงเข้ากับตัวเลือกการเชื่อมต่อล้ำๆ ทำให้ SoC ตัวนี้อยู่แถวหน้าสุดของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเลย ความสามารถที่ ทำลายสถิติเบนช์มาร์ก และฟีเจอร์ที่พร้อมรับอนาคตแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชิปนี้ในการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้บนมือถือเรือธงปี 2025 ตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับประสิทธิภาพและฟังก์ชั่นการทำงานบนมือถือเลยล่ะค่ะ

Facebook Comments Box

Leave a Reply