คุณเคยรู้สึกใจหายวาบเมื่อนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์มือถือหายไปไหนไม่รู้มั้ยคะ? อย่าเพิ่งตกใจไป! เรามีวิธีดีๆ มาแนะนำกัน
ในยุคดิจิทัลแบบนี้ การทำโทรศัพท์มือถือหายนอกจากจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวอีกด้วยนะคะ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะตอนนี้เรามีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ช่วยให้เราตามหาเจ้าโทรศัพท์ที่หายไปได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการอย่าง Find My Device ของ Google หรือ SmartThings Find ของซัมซุง รวมถึงวิธีค้นหาแบบธรรมดาๆ ด้วยตัวเอง
แต่จะให้ดีก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อนนะคะ และถ้าโทรศัพท์หายจริงๆ ก็ต้องรีบจัดการโดยเร็ว การรู้วิธีตามหาที่มีประสิทธิภาพ รู้ข้อจำกัดต่างๆ และรู้วิธีใช้งานอย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเจอโทรศัพท์คืนได้มากเลยล่ะค่ะ
สิ่งสำคัญที่ควรรู้
- ใช้บริการ Find My Device ของ Google เพื่อหา ล็อค หรือลบข้อมูลในมือถือ Android จากระยะไกลได้
- เปิดใช้งานบริการระบุตำแหน่งและฟีเจอร์การติดตามในมือถือไว้ก่อน เผื่อวันหน้าอาจต้องใช้
- ลองโทรหาเบอร์ตัวเอง หรือส่งข้อความจากมือถือเครื่องอื่น
- สอบถามผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือว่ามีบริการติดตามหรือหาตำแหน่งมือถือมั้ย
- ย้อนรอยกลับไปดูทีละที่ที่เราไป และค้นหาตามจุดที่อาจวางมือถือทิ้งไว้
ใช้ Find My Device ของ Google
บริการ Find My Device ของ Google เป็นตัวช่วยสุดเจ๋งในการตามหามือถือ Android ที่หายไปค่ะ วิธีใช้ก็ไม่ยาก แค่เข้าไปที่เว็บไซต์หรือแอปแล้วล็อกอินด้วยบัญชี Google ที่ใช้กับมือถือเครื่องที่หาย
พอล็อกอินเสร็จ ก็เลือกมือถือเครื่องที่ต้องการหา แล้วใช้ฟีเจอร์ติดตามต่างๆ ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสั่งให้มือถือส่งเสียงดัง ล็อคเครื่อง หรือแม้แต่ลบข้อมูลทั้งหมดจากระยะไกลเลยล่ะค่ะ
เข้าใช้งานบริการ
ขั้นตอนแรกในการหามือถือ Android ที่หายก็คือการเข้าใช้งานบริการ Find My Device ของ Google ค่ะ ทำได้ง่ายๆ โดยเข้าไปที่ google.com/android/find ผ่านเบราว์เซอร์ในอุปกรณ์อะไรก็ได้ หรือจะดาวน์โหลดแอป Find My Device จาก Google Play Store ก็ได้เหมือนกัน
จากนั้นก็ล็อกอินด้วยบัญชี Google ที่ใช้กับมือถือเครื่องที่หายไป แล้วก็อย่าลืมเช็คด้วยนะคะว่าอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่ออยู่ จะได้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
เลือกอุปกรณ์
พอล็อกอินเข้าบริการ Find My Device ได้แล้ว ขั้นต่อไปก็คือเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการหาค่ะ คุณจะเห็นรายชื่ออุปกรณ์ทั้งหมดที่ลงทะเบียนไว้กับบัญชี Google ของคุณ ให้คลิกเลือกอุปกรณ์ที่กำลังตามหา
หลังจากนั้น ระบบจะพยายามระบุตำแหน่งของมือถือบน Google Maps ให้ ถ้ามือถือเปิดอยู่และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนะคะ
ใช้ฟีเจอร์การติดตาม
บริการ Find My Device มีฟีเจอร์การติดตามที่ทรงพลังหลายอย่างเลยค่ะ ที่จะช่วยให้คุณหามือถือ Android ที่หายได้ ได้แก่:
- เล่นเสียง: สั่งให้มือถือส่งเสียงดังนาน 5 นาที แม้จะตั้งเป็นโหมดเงียบอยู่ก็ตาม
- ล็อคอุปกรณ์: ล็อคมือถือพร้อมแสดงข้อความที่มีข้อมูลติดต่อของคุณ
- ลบข้อมูลอุปกรณ์: ลบข้อมูลทั้งหมดในมือถือถาวร เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าถึงข้อมูลของคุณ
เปรียบเทียบ SmartThings Find ของซัมซุงกับ Find My Device ของ Google
SmartThings Find ของซัมซุงกับ Find My Device ของ Google ต่างก็เป็นบริการตามหามือถือที่หาย แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของการผสานบริการ ฟีเจอร์ และการจัดการอุปกรณ์ค่ะ Find My Device ของ Google ใช้ได้กับมือถือ Android ทุกยี่ห้อผ่าน Google Play Services ส่วน SmartThings Find ใช้ได้เฉพาะกับมือถือซัมซุง และต้องใช้ผ่านแอป SmartThings
SmartThings Find มีความสามารถพิเศษเพิ่มเติม เช่น การค้นหาแบบออฟไลน์ และการปิดการใช้งานจากระยะไกล ในขณะที่ Find My Device ของ Google จะเน้นไปที่การติดตามตำแหน่ง การส่งเสียง และการล็อคหรือลบข้อมูลจากระยะไกลเป็นหลักค่ะ
การผสานบริการ
เมื่อเปรียบเทียบการผสานบริการระหว่าง SmartThings Find ของซัมซุงกับ Find My Device ของ Google จะเห็นความแตกต่างชัดเจนในเรื่องการเข้าถึงและความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ค่ะ Find My Device ของ Google ใช้ได้กับมือถือ Android ทุกยี่ห้อผ่าน Google Play Services แค่มีบัญชี Google ก็พอ
ส่วน SmartThings Find ของซัมซุงนั้นใช้ได้เฉพาะกับมือถือซัมซุงเท่านั้น โดยต้องใช้ผ่านแอป SmartThings และต้องมีบัญชีซัมซุงด้วย ความแตกต่างนี้ส่งผลต่อการเข้าถึงและฟีเจอร์ที่ใช้ได้บนมือถือ Android ต่างยี่ห้อกันค่ะ
ฟีเจอร์เพิ่มเติม
นอกจากการผสานบริการที่แตกต่างกันแล้ว ฟีเจอร์เพิ่มเติมก็ทำให้บริการทั้งสองมีความสามารถที่ต่างกันด้วยค่ะ SmartThings Find มีการค้นหาแบบออฟไลน์ สามารถปิดการใช้งานจากระยะไกล และยังติดตามอุปกรณ์ซัมซุงอื่นๆ เช่น นาฬิกาและหูฟังได้ด้วย นอกจากนี้ยังส่งตำแหน่งล่าสุดและป้องกันไม่ให้ปิดเครื่องได้อีกด้วย
ส่วน Find My Device ของ Google จะเน้นไปที่การติดตามตำแหน่ง การส่งเสียง การล็อคอุปกรณ์ และการลบข้อมูล แต่ไม่มีฟีเจอร์ค้นหาแบบออฟไลน์ค่ะ
การจัดการพลังงานและซิมการ์ด
ความสามารถในการจัดการพลังงานและการจัดการซิมการ์ดเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ SmartThings Find ของซัมซุงแตกต่างจาก Find My Device ของ Google ค่ะ
SmartThings Find สามารถเปิดโหมดประหยัดพลังงานสูงสุด ป้องกันไม่ให้ปิดเครื่อง และติดตามอุปกรณ์ได้แม้จะเปลี่ยนซิมการ์ด
ส่วน Find My Device ของ Google ไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูงพวกนี้
จะเห็นว่า SmartThings Find ให้การควบคุมพลังงานของอุปกรณ์และการจัดการซิมการ์ดที่ดีกว่า ทำให้ติดตามได้ในสถานการณ์ที่บริการของ Google อาจทำไม่ได้ค่ะ
วิธีการติดตามอื่นๆ
เมื่อวิธีติดตามแบบปกติใช้ไม่ได้ผล เรายังมีตัวเลือกอื่นๆ ที่ช่วยหามือถือที่หายได้ค่ะ บริการจากผู้ให้บริการเครือข่าย อย่างเช่น FamilyWhere ของ T-Mobile สามารถติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์ที่อยู่ในแผนเดียวกันผ่านเว็บไซต์หรือแอปได้
แอปรักษาความปลอดภัยจากบริษัทอื่นอย่าง Lookout Mobile Security ก็สามารถติดตามมือถือได้ถ้าติดตั้งและตั้งค่าไว้ก่อน และสุดท้ายการค้นหาตามสถานที่ที่เคยไปด้วยตัวเองก็ยังเป็นวิธีที่ใช้ได้นะคะ
บริการจากผู้ให้บริการเครือข่าย
บริการจากผู้ให้บริการเครือข่ายเป็นอีกทางเลือกในการตามหามือถือที่หายค่ะ ผู้ให้บริการรายใหญ่ๆ มักจะมีบริการระบุตำแหน่งที่ช่วยหามือถือได้:
- FamilyWhere ของ T-Mobile
- Family Locator ของ Verizon
- Secure Family ของ AT&T
- Safe & Found ของ Sprint
บริการพวกนี้มักจะต้องสมัครใช้งานก่อนนะคะ แล้วก็จะทำงานโดยใช้การหาตำแหน่งสามเหลี่ยมจากเสาสัญญาณมือถือหรือ GPS เพื่อระบุตำแหน่งของมือถือ ซึ่งสามารถบอกตำแหน่งแบบเรียลไทม์และประวัติตำแหน่งที่เคยอยู่ได้ด้วย ทำให้มีโอกาสเจอมือถือมากขึ้นค่ะ
สำหรับในไทย หากไม่สามารถติดตามผ่านแอปพลิเคชันได้ คุณสามารถใช้หมายเลข IMEI ของโทรศัพท์เพื่อติดตามได้ โดยการแจ้งความกับตำรวจและขอความร่วมมือจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ เช่น AIS, dtac, หรือ TrueMove H
แอปรักษาความปลอดภัยจากบริษัทอื่น
นอกจากบริการของผู้ให้บริการเครือข่ายแล้ว แอปรักษาความปลอดภัยจากบริษัทอื่นก็เป็นอีกตัวเลือกในการตามหามือถือที่หายค่ะ แอปพวกนี้ เช่น Lookout Mobile Security หรือ Prey Anti-Theft มีฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างการติดตามด้วย GPS การล็อคเครื่องจากระยะไกล และการลบข้อมูล
บางแอปยังสามารถติดตามแบบออฟไลน์และอัพเดตตำแหน่งแบบเรียลไทม์ได้ด้วยนะคะ แต่ต้องติดตั้งและตั้งค่าไว้ก่อนที่มือถือจะหายนะ เลยเป็นการย้ำว่าเราควรเตรียมพร้อมด้านความปลอดภัยไว้ล่วงหน้าค่ะ
ค้นหาด้วยตัวเอง
ความพยายามเป็นสิ่งสำคัญเวลาค้นหามือถือที่หายด้วยตัวเองค่ะ ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ดูนะ:
- ย้อนรอยกลับไปทีละที่ที่เราเคยไปอย่างละเอียด
- ตรวจดูตามจุดที่อาจวางมือถือทิ้งไว้
- ใช้ไฟฉายส่องดูตามที่มืดๆ
- ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นให้ช่วยหา จะได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
ค้นหาอย่างเป็นระบบในแต่ละที่ อย่าลืมสังเกตซอกเล็กซอกน้อยและจุดที่ไม่น่าคิดด้วยนะคะ ลองใช้มือถือเครื่องอื่นโทรหาเบอร์ของมือถือที่หายดูก็ได้ บางทีอาจได้ยินเสียงดังมาจากที่ซ่อนอยู่ก็ได้ค่ะ
การเปิดใช้งานบริการระบุตำแหน่งไว้ล่วงหน้า
การเพิ่มโอกาสในการหามือถือที่หายให้เจอ ต้องเริ่มจากการเปิดใช้งานบริการระบุตำแหน่งไว้ล่วงหน้านะคะ
สำหรับมือถือ Android ควรเปิดใช้งานฟีเจอร์ Find My Device ของ Google ซึ่งปกติแล้วจะเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อเราเพิ่มบัญชี Google ลงในมือถือ
ส่วนเจ้าของมือถือซัมซุงควรเปิดใช้งาน SmartThings Find ในการตั้งค่าบัญชีซัมซุงด้วย เพื่อให้สามารถติดตามมือถือได้อย่างครอบคลุมค่ะ
เปิดใช้งาน Find My Device
พื้นฐานของการติดตามอุปกรณ์ที่ประสบความสำเร็จอยู่ที่การเปิดใช้งาน Find My Device และเปิดบริการระบุตำแหน่งไว้ก่อนที่มือถือจะหายค่ะ
วิธีเปิดใช้งาน Find My Device บน Android:
- เปิดการตั้งค่า
- แตะที่ Google > ความปลอดภัย
- เปิดสวิตช์ “Find My Device”
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริการระบุตำแหน่งเปิดอยู่
การตั้งค่านี้จะช่วยให้เราสามารถติดตาม ล็อค และลบข้อมูลในมือถือจากระยะไกลได้ถ้ามือถือหายหรือถูกขโมย ควรตรวจสอบเป็นประจำว่าฟีเจอร์นี้ยังเปิดใช้งานและทำงานได้อยู่นะคะ
เปิดใช้งาน SmartThings Find
สำหรับผู้ใช้มือถือซัมซุง SmartThings Find เป็นระบบรักษาความปลอดภัยและติดตามอุปกรณ์เพิ่มเติมที่น่าสนใจมากค่ะ
วิธีเปิดใช้งานคือ เข้าไปที่การตั้งค่า แล้วไปที่บัญชีซัมซุง เลือก Find My Mobile จากนั้นเปิดใช้งาน SmartThings Find ในเมนูนี้ อย่าลืมตรวจสอบว่าเปิดบริการระบุตำแหน่งไว้และเชื่อมต่อมือถือกับบัญชีซัมซุงของเราแล้วนะคะ การเตรียมพร้อมแบบนี้จะช่วยให้เราติดตามมือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพถ้าวันหนึ่งมันหายไปค่ะ
การป้องกันข้อมูลส่วนตัวจากระยะไกล
เมื่อเราไม่สามารถเอามือถือที่หายกลับคืนมาได้ การปกป้องข้อมูลส่วนตัวก็เป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ
ทั้ง Find My Device ของ Google และ SmartThings Find ของซัมซุงมีตัวเลือกลบข้อมูลจากระยะไกลที่จะลบข้อมูลทั้งหมดในมือถือ ทำให้มือถือกลับไปเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน นอกจากนี้เรายังสามารถล็อคมือถือจากระยะไกลด้วยรหัส PIN และเพิ่มข้อความติดต่อได้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าถึงข้อมูลของเรา แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้มือถือคืนด้วยนะคะ
ตัวเลือกลบข้อมูลอุปกรณ์
บ่อยครั้งที่วิธีสำคัญที่สุดในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวในมือถือที่หายคือการใช้ตัวเลือก “ลบข้อมูลอุปกรณ์” ค่ะ ฟีเจอร์นี้จะ:
- ลบข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดจากระยะไกล
- รีเซ็ตมือถือให้กลับไปเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าถึงข้อมูลสำคัญของเรา
- เป็นการลบถาวร ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังนะคะ
เราสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ผ่าน Find My Device ของ Google หรือ SmartThings Find ของซัมซุง ขึ้นอยู่กับว่าเรามีมือถืออะไร อย่าลืมเปิดบริการระบุตำแหน่งไว้ด้วยนะคะ เพื่อให้ฟังก์ชั่นนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ล็อคด้วยรหัส PIN
อีกขั้นตอนสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวในมือถือที่หายคือการใช้ฟีเจอร์ “ล็อคด้วยรหัส PIN” ค่ะ ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้เราล็อคมือถือจากระยะไกลได้ ป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าถึงข้อมูลของเรา เราสามารถตั้ง PIN ใหม่ และแสดงข้อความพร้อมข้อมูลติดต่อบนหน้าจอล็อคได้ด้วย
วิธีนี้ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญของเรา แถมยังอาจช่วยให้ได้มือถือคืนถ้ามีคนดีๆ เก็บได้ด้วยนะคะ
เพิ่มข้อความติดต่อ
อีกวิธีสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากระยะไกลเมื่อมือถือหายคือการเพิ่มข้อความติดต่อบนหน้าจอล็อคค่ะ ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์หลายอย่าง:
- ทำให้คนที่เก็บมือถือเราได้มีช่องทางติดต่อเรา
- ป้องปรามคนที่คิดจะขโมยโดยบอกว่ามือถือกำลังถูกติดตามอยู่
- เราสามารถเขียนคำแนะนำหรือเสนอรางวัลนำส่งได้
- ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวโดยไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญบนหน้าจอล็อค
สรุป
การตามหามือถือที่หายต้องอาศัยบริการติดตามของผู้ผลิตหรือการค้นหาด้วยตัวเองค่ะ Find My Device ของ Google และ SmartThings Find ของซัมซุงมีฟีเจอร์ติดตามจากระยะไกล ส่งเสียง และป้องกันข้อมูลที่น่าสนใจ การเปิดใช้บริการระบุตำแหน่งไว้ก่อนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามได้มากค่ะ
ถ้าไม่สามารถเอามือถือคืนมาได้ การล็อคจากระยะไกลหรือลบข้อมูลก็เป็นวิธีปกป้องข้อมูลส่วนตัวที่ดีนะคะ การใช้วิธีเหล่านี้และเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเจอมือถือหรือปกป้องข้อมูลได้มากเลยล่ะค่ะ
จำไว้นะคะว่า การป้องกันดีกว่าการแก้ไข! อย่าลืมเปิดใช้งานฟีเจอร์ติดตามและความปลอดภัยต่างๆ ไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อาจต้องใช้! แล้วก็อย่าลืมเก็บมือถือให้ดีๆ ด้วยนะคะ
คุณมีคำถามอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตามหามือถือที่หายไหมคะ? หรือมีเทคนิคดีๆ ที่อยากแชร์กับเพื่อนๆ ก็บอกได้เลยนะคะ