วิธีปลดล็อก LINE ไม่แจ้งเตือน ง่ายๆ ใน 3 นาที ลองเลย!

วิธีแก้ LINE ไม่แจ้งเตือน

เชื่อไหมว่าแอป LINE ที่เราใช้กันทุกวันอาจทำให้เราพลาดข้อความสำคัญได้? ปัญหาการแจ้งเตือนของ LINE สามารถทำให้เราหงุดหงิดและพลาดโอกาสสำคัญๆ ไปได้เลยนะคะ

คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุทั่วไปของปัญหาการแจ้งเตือนและให้วิธีแก้ไขทีละขั้นตอนเพื่อแก้ปัญหานี้ค่ะ เราจะมาดูกันตั้งแต่การตั้งค่าการแจ้งเตือน การอัปเดตแอป ไปจนถึงการตั้งค่าอุปกรณ์และปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนของ LINE ได้อย่างเป็นระบบเลยล่ะ

มาเริ่มกันเลยดีกว่า! เรามาดูกันว่าจะทำให้ LINE ของคุณทำงานได้ดีที่สุดยังไง และไม่พลาดข้อความสำคัญอีกต่อไปค่ะ

สรุปประเด็นสำคัญ

  • ตรวจสอบและปรับการตั้งค่าการแจ้งเตือนของแอป LINE ทั้งในอุปกรณ์และในตัวแอป
  • อัปเดตแอป LINE เป็นเวอร์ชันล่าสุดและล้างข้อมูล/แคชของแอปถ้าจำเป็น
  • ปิดการประหยัดแบตเตอรี่สำหรับ LINE และตรวจสอบว่าสามารถทำงานในพื้นหลังได้
  • ตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายและปิดโหมดเครื่องบินบนอุปกรณ์ของคุณ
  • รีสตาร์ทอุปกรณ์และแอป LINE เพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราว

ตรวจสอบและปรับการตั้งค่าการแจ้งเตือน

ตรวจสอบและปรับการตั้งค่าการแจ้งเตือน Line

การตรวจสอบว่าการแจ้งเตือนของแอป LINE เปิดอยู่ในการตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมากค่ะ ต้องแน่ใจว่าตัวเลือกการแจ้งเตือนทั้งหมดสำหรับ LINE เปิดอยู่นะคะ ทั้งเสียง การสั่น และการแจ้งเตือนแบบป๊อปอัพ

นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนเฉพาะสำหรับแชทหรือกลุ่มในแอป LINE ด้วยนะคะ เพราะบางทีมันอาจทับการตั้งค่าการแจ้งเตือนทั่วไปได้

ตรวจสอบว่าการแจ้งเตือนของแอป LINE เปิดอยู่ในการตั้งค่าอุปกรณ์

เพื่อให้แน่ใจว่าการแจ้งเตือนของแอป LINEทำงานได้ดี ขั้นแรกเลยคือต้องตรวจสอบว่าเปิดใช้งานอยู่ในการตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณค่ะ

สำหรับAndroid ให้ไปที่ การตั้งค่า > การแจ้งเตือน > LINE แล้วเปิดตัวเลือกทั้งหมดนะคะ

ส่วนผู้ใช้ iPhone ให้เข้าไปที่การตั้งค่า หา LINE แล้วดูว่าสวิตช์การแจ้งเตือนเปิดอยู่ (สีเขียว) เปิดตัวเลือกการแจ้งเตือนของ LINE ทั้งหมดเพื่อให้ทำงานได้เต็มที่ค่ะ

ตรวจสอบว่าตัวเลือกการแจ้งเตือนทั้งหมดสำหรับ LINE เปิดอยู่

ในแอป LINE เองก็มีตัวเลือกการแจ้งเตือนหลายอย่างที่ต้องเปิดใช้งานเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการแจ้งเตือนครบถ้วนค่ะ เข้าไปที่การตั้งค่าของแอป LINE แล้วไปที่ส่วนการแจ้งเตือน ตรวจดูว่าตัวเลือกต่อไปนี้เปิดอยู่นะคะ:

  • การแจ้งเตือนข้อความ
  • การแจ้งเตือนแชทกลุ่ม
  • การโทรและวิดีโอคอล
  • คำขอเป็นเพื่อนและอัปเดต

การเปิดใช้งานการตั้งค่าเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการแจ้งเตือนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องจาก LINE ค่ะ ถ้ายังมีปัญหาอยู่ ลองปรับการตั้งค่าการแจ้งเตือนระดับอุปกรณ์หรือติดตั้งแอปใหม่ดูนะคะ

ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนเฉพาะสำหรับแชทหรือกลุ่ม

หลังจากตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนทั่วไปแล้ว อย่าลืมดูการตั้งค่าเฉพาะสำหรับแชทหรือกลุ่มใน LINE ด้วยนะคะ บางทีมันอาจทับการตั้งค่าทั่วไปได้

ลองตรวจสอบแต่ละแชทหรือกลุ่มแบบนี้ค่ะ:

  1. เปิดบทสนทนา
  2. แตะไอคอนเมนู (จุดสามจุด)
  3. เลือก “การตั้งค่าการแจ้งเตือน”
  4. ตรวจสอบว่า “รับการแจ้งเตือน” เปิดอยู่

ปรับการตั้งค่าตามที่คุณต้องการเพื่อรับการแจ้งเตือนสำหรับแชทหรือกลุ่มเฉพาะนะคะ ขั้นตอนนี้จะช่วยแยกแยะและแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนสำหรับบางบทสนทนาได้ค่ะ

อัปเดตและปรับปรุงแอป

อัปเดตแอป LINE

การอัปเดตแอป LINE ให้ทันสมัยอยู่เสมอสำคัญมากๆ เลยค่ะ ถ้าจะให้การแจ้งเตือนทำงานได้ดีที่สุด

สำหรับอุปกรณ์ Android นอกจากอัปเดตแล้ว การล้างข้อมูลและแคชของแอปก็ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ได้ด้วยนะคะ ถ้ายังมีปัญหาหลังจากทำขั้นตอนนี้แล้ว ลองถอนการติดตั้งแล้วติดตั้งใหม่จาก App Store เลยก็ได้ค่ะ

ติดตั้งเวอร์ชันล่าสุดของ LINE จาก App Store อย่างเป็นทางการ

การอัปเดตแอป LINE ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดสำคัญมากถ้าอยากให้มันทำงานได้ดีและแก้ปัญหาการแจ้งเตือนค่ะ

วิธีติดตั้งเวอร์ชันล่าสุดจาก App Store อย่างเป็นทางการ:

  • เปิด Google Play Store (Android) หรือ App Store (iOS)
  • ค้นหา “LINE”
  • กด “อัปเดต” ถ้ามีให้อัปเดต
  • ถ้าไม่มีอัปเดตให้เลือก ลองถอนการติดตั้งแล้วติดตั้งใหม่นะคะ

วิธีนี้จะช่วยให้มั่นใจว่าคุณมีการแก้ไขบั๊กและการปรับปรุงล่าสุดเพื่อให้ทำงานได้ดีที่สุดค่ะ

ล้างข้อมูลและแคชของแอปบนอุปกรณ์ Android

แม้ว่าการติดตั้งเวอร์ชันล่าสุดจะสำคัญ แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องทำขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนค่ะ

สำหรับอุปกรณ์ Android การล้างข้อมูลและแคชของ LINE มักจะช่วยแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนได้ ลองทำตามนี้นะคะ:

  1. ไปที่ การตั้งค่า > แอปพลิเคชัน > LINE
  2. แตะ “พื้นที่เก็บข้อมูล”
  3. เลือก “ล้างข้อมูล” และ “ล้างแคช”
  4. รีสตาร์ทอุปกรณ์
  5. เข้าสู่ระบบ LINE อีกครั้ง

วิธีนี้จะช่วยรีเฟรชการตั้งค่าของแอปและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้หลายอย่างเลยล่ะค่ะ

พิจารณาติดตั้งแอปใหม่หากยังมีปัญหาอยู่

ถ้าการล้างข้อมูลและแคชยังไม่ช่วยแก้ปัญหาการแจ้งเตือน การติดตั้งแอป LINE ใหม่อาจเป็นทางออกที่ได้ผลนะคะ วิธีนี้จะช่วยกำจัดไฟล์ที่เสียหายหรือการตั้งค่าที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้

วิธีติดตั้งใหม่:

  • ถอนการติดตั้งแอป LINE ออกจากอุปกรณ์
  • รีสตาร์ทอุปกรณ์
  • ดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดจาก App Store
  • ติดตั้งและตั้งค่าแอปอีกครั้ง

ปรับการตั้งค่าโทรศัพท์

ตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณให้อนุญาตให้ LINE ทำงาน

การปรับการตั้งค่าโทรศัพท์สำคัญมากถ้าอยากให้การแจ้งเตือนของแอป LINE ทำงานได้ดีค่ะ ปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่สำหรับแอป LINE โดยเฉพาะนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟีเจอร์ประหยัดพลังงานมารบกวนการส่งการแจ้งเตือน

นอกจากนี้ ให้ตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณให้อนุญาตให้ LINE ทำงานในพื้นหลังได้ และปิดโหมด “ห้ามรบกวน” เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องค่ะ

ปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่สำหรับแอป LINE

โหมดประหยัดแบตเตอรี่สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการรับการแจ้งเตือนของแอป LINE นะคะ เพื่อให้แน่ใจว่าจะทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา ลองทำตามนี้ค่ะ:

  • ปิดการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่สำหรับ LINE
  • ปิดโหมดประหยัดพลังงานเมื่อคาดว่าจะมีข้อความสำคัญเข้ามา
  • ปรับการตั้งค่าแอปพื้นหลังให้ LINE ทำงานได้อย่างอิสระ
  • ตั้งค่าการใช้แบตเตอรี่ของ LINEเป็น “ไม่จำกัด” ในการตั้งค่าอุปกรณ์

การปรับเปลี่ยนเหล่านี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบจำกัดกระบวนการพื้นหลังของ LINE ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการแจ้งเตือนทันเวลาค่ะ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่า LINE สามารถทำงานในพื้นหลังได้

กระบวนการพื้นหลังสำคัญมากสำหรับการทำงานของการแจ้งเตือนของ LINE นะคะ เพื่อให้แน่ใจว่า LINE สามารถทำงานในพื้นหลังได้ ลองทำตามนี้ค่ะ:

  1. สำหรับ Android: ไปที่ การตั้งค่า > แอปพลิเคชัน > LINE > แบตเตอรี่ > อนุญาตให้ทำงานในพื้นหลัง
  2. สำหรับ iOS: การตั้งค่า > ทั่วไป > รีเฟรชแอปพื้นหลัง > เปิดใช้งานสำหรับ LINE
  3. ปิดโหมดประหยัดพลังงานแบบจัดเต็มที่อาจจำกัดกระบวนการพื้นหลัง
  4. ตรวจสอบว่า LINE มีสิทธิ์ที่จำเป็นสำหรับการใช้ข้อมูลในพื้นหลัง

ปิดโหมดห้ามรบกวน

โหมดห้ามรบกวนอาจทำให้การแจ้งเตือนของ LINEเงียบไปโดยไม่ตั้งใจ ทำให้พลาดการแจ้งเตือนข้อความที่ทันเวลาได้ค่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับการแจ้งเตือนของ LINE ลองทำแบบนี้นะคะ:

  • ตรวจสอบว่าโหมดห้ามรบกวนเปิดใช้งานอยู่ในการตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณหรือเปล่า
  • ปิดโหมดห้ามรบกวนหรือตั้งค่าข้อยกเว้นสำหรับ LINE
  • ตรวจสอบว่า LINE ไม่ได้ถูกตั้งค่าเป็น “อนุญาตเฉพาะการโทร” ในการตั้งค่าโหมดห้ามรบกวน
  • ลองตั้งเวลาให้โหมดห้ามรบกวนปิดโดยอัตโนมัติในช่วงเวลาที่ต้องการ

การปรับการตั้งค่าเหล่านี้ควรช่วยให้การแจ้งเตือนของ LINE กลับมาทำงานได้ตามปกติค่ะ

แก้ไขปัญหาทั่วไป

ปัญหาการแจ้งเตือนของแอป LINEที่พบบ่อย

เพื่อแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนของแอป LINEที่พบบ่อย เริ่มจากการรีสตาร์ททั้งอุปกรณ์และตัวแอป LINE เลยค่ะ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณเสถียรและทำงานได้ดี เพราะการเชื่อมต่อที่ไม่ดีอาจทำให้การส่งการแจ้งเตือนมีปัญหาได้

อย่าลืมตรวจสอบว่าโหมดเครื่องบินปิดอยู่บนอุปกรณ์ของคุณด้วยนะคะ เพราะการตั้งค่านี้จะบล็อกการแจ้งเตือนที่เข้ามาทั้งหมดเมื่อเปิดใช้งาน

รีสตาร์ทอุปกรณ์และแอป LINE

วิธีง่ายๆ แต่ได้ผลดีในการแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนของแอป LINE ก็คือการรีสตาร์ททั้งอุปกรณ์และแอปค่ะ วิธีนี้สามารถแก้ปัญหาชั่วคราวและรีเฟรชทรัพยากรของระบบได้

ลองทำตามขั้นตอนนี้นะคะ:

  • ปิดแอป LINE แบบบังคับ
  • รีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณให้สมบูรณ์
  • เปิดแอป LINE อีกครั้ง
  • ทดสอบการแจ้งเตือนโดยส่งข้อความ

ถ้ายังมีปัญหาอยู่ ลองใช้วิธีแก้ไขปัญหาขั้นสูงหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ LINE เพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมค่ะ

ตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่าย

การเชื่อมต่อเครือข่ายมีบทบาทสำคัญมากในการทำให้แอป LINE ทำงานได้อย่างถูกต้อง รวมถึงระบบการแจ้งเตือนด้วยค่ะ ลองแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อแบบนี้นะคะ:

  1. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือข้อมูลมือถือ
  2. ดูสถานะเซิร์ฟเวอร์ของ LINE
  3. ปิดแล้วเปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายใหม่
  4. ทดสอบแอปอื่นๆ เพื่อแยกแยะปัญหา
  5. รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายถ้ายังมีปัญหาอยู่
  6. ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณถ้าจำเป็น

ตรวจสอบว่าโหมดเครื่องบินปิดอยู่

หลังจากตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายแล้ว ขั้นตอนต่อไปในการแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนของแอป LINE ก็คือตรวจสอบว่าโหมดเครื่องบินปิดอยู่นะคะ โหมดเครื่องบินจะบล็อกการสื่อสารแบบไร้สายทั้งหมด ทำให้การแจ้งเตือนไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณได้

วิธีตรวจสอบว่าโหมดเครื่องบินปิดอยู่:

  • ดูที่แผงการตั้งค่าด่วน
  • มองหาไอคอนเครื่องบินในแถบสถานะ
  • ตรวจสอบในการตั้งค่าอุปกรณ์
  • รีสตาร์ทอุปกรณ์ถ้าเพิ่งปิดโหมดเครื่องบิน

ถ้าโหมดเครื่องบินเปิดอยู่ ให้ปิดแล้วลองทดสอบการแจ้งเตือนของ LINE ดูค่ะ

แก้ไขปัญหาเฉพาะอุปกรณ์

แก้ไขปัญหาเฉพาะอุปกรณ์

รุ่นอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันอาจทำให้เกิดความท้าทายเฉพาะสำหรับการแจ้งเตือนของแอป LINE ได้ค่ะ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ลองปรับการตั้งค่าเฉพาะสำหรับรุ่นโทรศัพท์ของคุณ เช่น ปิดฟีเจอร์ประหยัดพลังงานแบบจัดเต็มหรือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้แบตเตอรี่สำหรับ LINE

นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบว่ามีการรบกวนที่อาจเกิดจากแอป LINE บนเดสก์ท็อปหรือเปล่า และตรวจสอบความเข้ากันได้กับการอัปเดต OS ล่าสุดของอุปกรณ์ของคุณ เพื่อรักษาการทำงานของการแจ้งเตือนให้ราบรื่นค่ะ

ปรับการตั้งค่าสำหรับปัญหาที่รู้จักกับรุ่นโทรศัพท์เฉพาะ

รุ่นโทรศัพท์บางรุ่นและหน้าจอ UI แบบกำหนดเองอาจต้องมีการปรับแต่งเฉพาะเพื่อให้แน่ใจว่าการแจ้งเตือนของแอป LINE จะทำงานได้ถูกต้องค่ะ ลองแก้ไขปัญหาที่พบบ่อยเหล่านี้:

  • ตั้งค่าตัวประหยัดแบตเตอรี่เป็น “ไม่จำกัด” สำหรับ LINE บนอุปกรณ์ MiUI
  • ปิดโหมดประหยัดพลังงานบนโทรศัพท์ Samsung
  • ปรับการตั้งค่าแอปพื้นหลังบนอุปกรณ์ Huawei
  • ตรวจสอบปัญหาเฉพาะ iOS หลังจากอัปเดตระบบ

ถ้ายังมีปัญหาอยู่ ลองดูคู่มือของอุปกรณ์หรือฟอรั่มสนับสนุนเพื่อหาขั้นตอนการแก้ไขปัญหาเฉพาะรุ่นเพิ่มเติมนะคะ

ตรวจสอบการขัดแย้งกับแอป LINE บนเดสก์ท็อป

ในขณะที่การแก้ไขปัญหาเฉพาะอุปกรณ์เป็นเรื่องสำคัญ ผู้ใช้ทั้งแอป LINE บนมือถือและเดสก์ท็อปควรระวังปัญหาการแจ้งเตือนที่อาจเกิดจากการใช้งานข้ามแพลตฟอร์มด้วยนะคะ บางทีการตั้งค่าของแอปบนเดสก์ท็อปอาจปิดการแจ้งเตือนบนมือถือโดยไม่ตั้งใจ

ลองตรวจสอบการตั้งค่าแอปบนเดสก์ท็อปว่ามีตัวเลือกแบบ “ปิดการแจ้งเตือนบนมือถือเมื่อใช้งานบนเดสก์ท็อป” หรือเปล่าค่ะ ปรับการตั้งค่าเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับการแจ้งเตือนอย่างราบรื่นบนทุกอุปกรณ์ เพื่อรักษาการสื่อสารที่ไม่ขาดตอนบนทั้งสองแพลตฟอร์มค่ะ

ตรวจสอบความเข้ากันได้กับการอัปเดต OS ล่าสุด

การอัปเดตระบบปฏิบัติการสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของแอป รวมถึงระบบการแจ้งเตือนของ LINE ด้วยนะคะ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเข้ากันได้:

  • อัปเดตแอป LINE เป็นเวอร์ชันล่าสุด
  • ตรวจสอบการตั้งค่าเฉพาะ OS หลังจากอัปเดต
  • ล้างแคชและข้อมูลของแอปหลังอัปเดต
  • ถ้ายังมีปัญหาหลังอัปเดต ลองติดตั้งแอปใหม่

ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยรักษาการทำงานของการแจ้งเตือน LINE ให้ใช้ได้กับ OS หลายเวอร์ชัน อย่าลืมตรวจสอบความเข้ากันได้ระหว่าง OS ของอุปกรณ์คุณกับเวอร์ชันของแอป LINE เสมอ เพื่อให้ทำงานได้ดีที่สุดนะคะ

สรุป

การแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนของแอป LINE ต้องใช้วิธีการที่เป็นระบบค่ะ ด้วยการปรับการตั้งค่าการแจ้งเตือน อัปเดตแอป ตั้งค่าอุปกรณ์ให้เหมาะสม และแก้ไขปัญหาทั่วไป ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็สามารถทำให้การแจ้งเตือนกลับมาทำงานได้ตามปกติแล้วล่ะค่ะ ปัญหาเฉพาะอุปกรณ์อาจต้องใช้ขั้นตอนเพิ่มเติมนิดหน่อย ถ้าวิธีแก้ไขทั่วไปไม่ได้ผล แนะนำให้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ LINE เลยนะคะ

การดูแลรักษาการตั้งค่าแอปและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาการแจ้งเตือนในอนาคต ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับข้อความทันเวลาและมีประสบการณ์การใช้งานที่ดีค่ะ

ขอให้สนุกกับการใช้ LINE นะคะ! ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม ถามได้เลยนะคะ 😊

Facebook Comments Box
This entry was posted in Blog and tagged .

Leave a Reply