จัดเต็มเสียงหนัง! แนะนำวิธีเปิด Dolby Atmos บน Android ง่ายๆ

วิธีเปิด Dolby Atmos บน Android

รู้มั้ยว่าเสียงจากสมาร์ทโฟนของเราสามารถมีมิติได้มากกว่าที่คิด? เทคโนโลยี Dolby Atmos นี่แหละค่ะที่จะพาเราไปสู่โลกของเสียงแบบ 3 มิติสุดอลังการ แต่การเปิดใช้งานมันบนมือถือ Android อาจจะงงๆ หน่อย เพราะต้องรู้ทั้งการตั้งค่าเฉพาะของแต่ละรุ่น และเนื้อหาที่รองรับด้วยนะ แม้ว่าดูผิวเผินอาจจะดูง่าย แต่การปรับแต่งให้เข้ากับแอปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปสตรีมมิ่งหรือเกมมือถือ มีขั้นตอนและข้อควรรู้อีกเพียบเลยล่ะ มาดูกันดีกว่าว่าเราจะเปิดใช้และปรับแต่ง Dolby Atmos บนมือถือ Android ยังไงให้ได้เสียงที่ดีที่สุด และยกระดับประสบการณ์การฟังของเราให้สุดยอดไปเลย!

สิ่งสำคัญที่ควรรู้

  • เช็คก่อนว่ามือถือ Android ของเรารองรับ Dolby Atmos โดยตรงในการตั้งค่าเสียงมั้ย
  • เข้าไปที่การตั้งค่าเสียงของเครื่อง แล้วมองหาตัวเลือก “Dolby Atmos” หรือ “คุณภาพเสียงและเอฟเฟกต์”
  • ถ้ามี ก็แค่เปิดสวิตช์ Dolby Atmos เท่านี้ก็เรียบร้อย
  • บางรุ่นอาจมีปุ่มลัดให้เปิด-ปิด Dolby Atmos ในแผงการตั้งค่าด่วนด้วยนะ สะดวกดี
  • สำหรับมือถือที่ไม่รองรับ อาจลองใช้โมดูลจากมือสามหรือ ROM แบบกำหนดเองได้ แต่ระวังเรื่องประกันเครื่องด้วยล่ะ

ทำความเข้าใจเรื่องความเข้ากันได้กับ Dolby Atmos

Android ความเข้ากันได้กับ Dolby Atmos

ความเข้ากันได้กับ Dolby Atmos นั้นแตกต่างกันไปในมือถือ Android แต่ละรุ่นเลยค่ะ มีบางรุ่นที่รองรับโดยตรง แบรนด์อย่าง Motorola, Samsung, Sony, OnePlus, LG และ Xiaomi ได้ติดตั้งฟีเจอร์ Dolby Atmos มาให้ในบางรุ่น ทำให้เราสามารถใช้งานฟีเจอร์เสียงสุดเจ๋งนี้ได้ผ่านการตั้งค่าระบบเลย

ส่วนมือถือที่ไม่มีการรองรับในตัว ก็มีทางเลือกอื่นๆ อย่างโมดูลจากมือสาม หรือ ROM แบบกำหนดเอง แต่วิธีพวกนี้ต้องมีความรู้ทางเทคนิคสูงหน่อย และอาจทำให้การรับประกันเครื่องเป็นโมฆะได้นะคะ

รุ่นที่รองรับโดยตรง

มือถือที่มี Dolby Atmos ติดตั้งมาให้เลยนี่ สบายสุดๆ ค่ะ ไม่ต้องลงโปรแกรมหรือไปแก้อะไรเพิ่มเติม ก็ได้ฟังเสียงแบบอิมเมอร์ซีฟเลย หลายๆ แบรนด์ดังได้ใส่เทคโนโลยีนี้มาในรุ่นเรือธงของเขา มาดูกันว่ามีรุ่นไหนบ้าง:

แบรนด์ รุ่น ฟีเจอร์
Samsung Galaxy S22 Ultra ปรับเสียงอัตโนมัติ, โหมดเกม
Sony Xperia 1 IV เสียงรอบทิศทาง 360 องศา
OnePlus 9 Pro ปรับแต่ง EQ เอง, โหมดภาพยนตร์
Motorola ซีรีส์ Edge เสียงอัจฉริยะ, โหมดเพลง

ทางเลือกสำหรับมือถือที่ไม่รองรับ

สำหรับเพื่อนๆ ที่มือถือไม่รองรับ Dolby Atmos มาในตัว ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ ให้ลองนะคะ:

  1. ROM แบบกำหนดเอง: ลงเฟิร์มแวร์ที่ชุมชนพัฒนาขึ้นมาที่มี Dolby Atmos รวมอยู่ด้วย
  2. โมดูลจากมือสาม: ถ้าเครื่องรูท ก็ลงโมดูล Dolby mcis ได้
  3. แอปเพิ่มคุณภาพเสียง: ลองใช้แอปอย่าง Viper4Android หรือ DTS:X Ultra ดูก็ได้
  4. โซลูชันจาก XDA Developers: ลองปรับแต่งเสียงแบบกำหนดเอง จากชุมชนนักพัฒนา

แต่วิธีพวกนี้ต้องมีความรู้ทางเทคนิคสูงหน่อยนะคะ และอาจทำให้การรับประกันเป็นโมฆะ หรือทำให้เครื่องไม่เสถียรได้

วิธีเปิดใช้งาน Dolby Atmos บนมือถือที่รองรับ

วิธีเปิดใช้งาน Dolby Atmos บนมือถือที่รองรับ

การเปิดใช้ Dolby Atmos บนมือถือ Android ที่รองรับนั้น ขั้นแรกเลยคือต้องเข้าไปที่การตั้งค่าเสียงของเครื่องก่อนค่ะ ซึ่งปกติจะอยู่ในเมนูการตั้งค่าหลัก

พอเจอแล้ว ก็แค่เปิดสวิตช์ Dolby Atmos ขึ้นมา บางทีอาจอยู่ในหมวด “คุณภาพเสียงและเอฟเฟกต์” หรือชื่ออื่นที่คล้ายๆ กัน ถ้าอยากเปิด-ปิดเร็วๆ หลายเครื่องก็มีปุ่มลัด Dolby Atmos อยู่ในแผงการตั้งค่าด่วน ที่เราปัดลงมาจากด้านบนของหน้าจอได้เลย สะดวกดีใช่มั้ยล่ะ

วิธีเข้าถึงการตั้งค่าเสียง

การเดินทางผ่านเขาวงกตของการตั้งค่าเสียง เป็นก้าวแรกในการเปิดใช้ Dolby Atmos บนมือถือ Android ที่รองรับนะคะ มาดูวิธีเข้าถึงกัน:

  1. เปิดแอป “การตั้งค่า” ของเครื่อง
  2. เลื่อนหาหมวด “เสียง” หรือ “ระบบเสียง”
  3. มองหา “คุณภาพเสียงและเอฟเฟกต์” หรือตัวเลือกที่คล้ายกัน
  4. หาสวิตช์ “Dolby Atmos” หรือ “เสียงคุณภาพสูง”

ขั้นตอนอาจต่างกันนิดหน่อยตามแบรนด์และเวอร์ชัน Android นะคะ

วิธีเปิดสวิตช์ Dolby Atmos

พอเจอการตั้งค่า Dolby Atmos แล้ว การเปิดใช้งานก็ง่ายแสนง่ายเลยค่ะ สำหรับมือถือที่รองรับ ให้มองหาสวิตช์เปิด-ปิด Dolby Atmos ในเมนูการตั้งค่าเสียง แล้วก็แค่แตะเพื่อเปิดใช้งาน ปกติสวิตช์จะเปลี่ยนสีหรือตำแหน่งเพื่อบอกว่าเปิดใช้งานแล้ว

บางเครื่องอาจให้เรายืนยันการเปลี่ยนแปลง หรือมีตัวเลือกให้ปรับแต่งเพิ่มเติมหลังเปิดใช้งานด้วยนะ

การใช้แผงการตั้งค่าด่วน

สำหรับคนที่อยากเข้าถึง Dolby Atmos แบบไวๆ มือถือ Android หลายรุ่นมีทางลัดให้เราใช้โดยไม่ต้องไปขุดหาในเมนูเยอะแยะ

วิธีเปิด Dolby Atmos ผ่านแผงการตั้งค่าด่วน:

  1. ปัดลงจากด้านบนหน้าจอเพื่อเปิดแถบการแจ้งเตือน
  2. ปัดลงอีกทีเพื่อขยายแผงการตั้งค่าด่วน
  3. มองหาไอคอน “Dolby Atmos” หรือ “เอฟเฟกต์เสียง”
  4. แตะไอคอนเพื่อเปิด-ปิด Dolby Atmos

วิธียกระดับประสบการณ์เล่นเกมด้วย Dolby Atmos

วิธียกระดับประสบการณ์เล่นเกมด้วย Dolby Atmos

เทคโนโลยี Dolby Atmos ช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมบนมือถือ Android ที่รองรับได้อย่างมหาศาลเลยค่ะ ด้วยการให้เสียงแบบสามมิติ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในเกมจริงๆ เราสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์เฉพาะสำหรับเกมได้ผ่านการตั้งค่าเสียงของเครื่อง ซึ่งมักจะอยู่ในตัวเลือก “Dolby Atmos สำหรับเกม”

หลายเครื่องยังมีโปรไฟล์เสียงที่ปรับแต่งได้ สำหรับเกมแต่ละประเภทด้วยนะ ทำให้เราสามารถปรับแต่งเสียงให้เหมาะกับเกมที่เล่น ช่วยให้รับรู้ทิศทางของเสียงได้ดีขึ้น และทำให้การเล่นเกมสนุกมากขึ้นไปอีก!

วิธีเปิดใช้ฟีเจอร์เฉพาะสำหรับเกม

ฟีเจอร์เฉพาะสำหรับเกมของ Dolby Atmos เรามาดูวิธีเปิดใช้ฟีเจอร์สุดเจ๋งนี้กันเลยดีกว่า:

  1. เข้าไปที่การตั้งค่าเสียงของเครื่อง
  2. หาตัวเลือก “Dolby Atmos สำหรับเกม”
  3. เปิดสวิตช์ให้ทำงาน
  4. ปรับการตั้งค่าเสียงในเกมให้เหมาะสม

การเปิดใช้งานนี้จะช่วยเพิ่มมิติของเสียง ทำให้ได้ยินทิศทางของเสียงชัดเจนขึ้น และมีโปรไฟล์เสียงให้เลือกปรับแต่งตามแนวเกม ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในเกมจริงๆ เลยล่ะ

วิธีปรับแต่งโปรไฟล์เสียงให้เข้ากับเกม

หลังจากเปิดใช้ฟีเจอร์สำหรับเกมแล้ว เรายังปรับแต่งเสียงให้เข้ากับเกมที่เล่นได้อีกด้วยนะ

วิธีนี้ช่วยให้เราปรับแต่งพารามิเตอร์เสียงให้เหมาะกับแนวเกมหรือความชอบส่วนตัวได้เลย ลองปรับเสียงเบส เสียงแหลม หรือตำแหน่งของเสียงดูสิ จะช่วยให้เราได้ยินเสียงแวดล้อมในเกมชัดขึ้น รู้ทิศทางของเสียงแม่นยำขึ้น หรือฟังบทสนทนาในเกมที่เน้นเนื้อเรื่องได้ชัดเจนขึ้นเลย

วิธีใช้ประโยชน์จาก Dolby Atmos ให้คุ้มค่าที่สุด

วิธีใช้ประโยชน์จาก Dolby Atmos ให้คุ้มค่าที่สุด

ถ้าอยากใช้ Dolby Atmos บนมือถือ Android ให้คุ้มค่าที่สุด เราต้องเลือกคอนเทนต์ที่เข้ากันได้ และใช้อุปกรณ์เสียงที่เหมาะสมด้วยนะ การเลือกสื่อที่ทำมาเฉพาะสำหรับ Dolby Atmos จะช่วยให้เราได้ยินเสียงรอบทิศทางและการจัดวางเสียงที่สมจริงสุดๆ

นอกจากนี้ การใช้หูฟังคุณภาพดีหรือลำโพงนอกที่รองรับเทคโนโลยี Dolby Atmos ก็สำคัญมากเลยนะ ถ้าอยากได้ยินเอฟเฟกต์เสียงแบบสามมิติและเสียงที่สมจริงอย่างเต็มที่

วิธีเลือกคอนเทนต์ที่เข้ากันได้

Dolby Atmos จะแจ่มสุดๆ เมื่อใช้กับคอนเทนต์ที่ทำมาเพื่อใช้กับมันโดยเฉพาะ ซึ่งออกแบบมาให้ใช้ประโยชน์จากเสียงแบบอิมเมอร์ซีฟได้เต็มที่ ถ้าอยากได้ยินเสียงแบบวัตถุที่เจ๋งๆ ของ Dolby Atmos ลองมองหาพวกนี้ดูนะ:

  1. แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีคอนเทนต์ Atmos (เช่น Netflix, Disney+)
  2. แผ่นบลูเรย์ที่มีซาวด์แทร็ก Atmos
  3. เกมที่ทำมาเพื่อเสียง Atmos 3D โดยเฉพาะ
  4. บริการสตรีมเพลงที่มีเพลงมิกซ์แบบ Atmos

พวกนี้แหละที่จะทำให้เราได้ยินเสียงรอบทิศทางสุดยอดแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

วิธีเลือกอุปกรณ์เสียงที่เหมาะสม

การเลือกอุปกรณ์เสียงที่ใช่เป็นเรื่องสำคัญมากถ้าอยากใช้ Dolby Atmos บนมือถือ Android ให้คุ้มค่าที่สุด ถ้าจะให้ดีที่สุด ใช้หูฟังหรือลำโพงที่รับรองมาตรฐาน Dolby Atmos เลยนะ พวกนี้ออกแบบมาเพื่อให้เอฟเฟกต์เสียงรอบทิศทางชัดเจนที่สุด

แนะนำให้ใช้หูฟังไร้สายคุณภาพดีหรือหูฟังครอบหูที่มีความหน่วงต่ำและตอบสนองความถี่ได้กว้าง ส่วนลำโพงนอก ถ้าเป็นระบบหลายช่องเสียงหรือซาวด์บาร์ที่มีลำโพงยิงขึ้นด้านบนจะให้ประสบการณ์ Atmos ที่ดีที่สุดเลย

ข้อควรพิจารณาและข้อจำกัด

ข้อควรพิจารณาและข้อจำกัด

แม้ว่า Dolby Atmos จะช่วยยกระดับประสบการณ์เสียงบนมือถือ Android ได้อย่างสุดยอด แต่เราก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อแบตเตอรี่ด้วยนะ เพราะมันต้องใช้พลังงานในการประมวลผลเพิ่มขึ้น

การมีคอนเทนต์ที่ทำมาเฉพาะสำหรับรูปแบบ Dolby Atmos ก็สำคัญมากถ้าอยากใช้เทคโนโลยีนี้ให้คุ้มค่าที่สุด

นอกจากนี้ ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ Dolby Atmos ยังขึ้นอยู่กับสเปคฮาร์ดแวร์ของเครื่องด้วย รวมถึงคุณภาพของลำโพงหรือหูฟังที่ใช้ในการฟังด้วยนะ

ผลกระทบต่อแบตเตอรี่

การกินแบตเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเวลาใช้ Dolby Atmos บนมือถือ Android นะ ผลกระทบต่อแบตอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย:

  1. ความเข้มข้นในการประมวลผลเสียง
  2. ความสามารถของฮาร์ดแวร์ในเครื่อง
  3. คอนเทนต์ที่เล่น (แบบ Atmos vs. แบบธรรมดา)
  4. ระดับเสียงและระยะเวลาที่ใช้งาน

แม้ว่า Dolby Atmos จะช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงได้ แต่ก็อาจทำให้กินพลังงานเพิ่มขึ้นเพราะต้องประมวลผลเสียงรอบทิศทางเพิ่มเติมนั่นเอง

คอนเทนต์ที่รองรับ Dolby Atmos มีเท่าไหร่

การมีคอนเทนต์ที่เข้ารหัสแบบ Dolby Atmos นั้นสำคัญมากถ้าอยากใช้เทคโนโลยีนี้ให้คุ้มค่าที่สุดบนมือถือ Android นะ แม้ว่าจำนวนคอนเทนต์ที่รองรับ Dolby Atmos จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรูปแบบเสียงทั่วไปอยู่ดี

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, Amazon Prime และ Disney+ มีคอนเทนต์ Dolby Atmos ให้เลือกบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นหนังและซีรีส์ แต่สำหรับบริการสตรีมเพลงนั้น ยังมีเพลงที่เข้ารหัสแบบ Atmos ให้เลือกน้อยกว่านะ

ฮาร์ดแวร์มีผลต่อประสิทธิภาพยังไงบ้าง

การใช้ Dolby Atmos บน Android ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ต้องอาศัยฮาร์ดแวร์หลายส่วนทำงานร่วมกันอย่างลงตัว

ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ลองดูองค์ประกอบสำคัญพวกนี้:

  1. DAC (ตัวแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อก) คุณภาพสูง
  2. แอมป์เสียงที่ทรงพลัง
  3. ระบบลำโพงหลายตัวหรือหูฟังระดับพรีเมียม
  4. ชิปประมวลผลเสียงขั้นสูง

อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยรับประกันการสร้างเสียงที่แม่นยำ ส่งกำลังได้เพียงพอ สร้างเสียงรอบทิศทาง และประมวลผลสัญญาณแบบเรียลไทม์ ตามลำดับ ทำให้เราได้ประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟเต็มรูปแบบอย่างที่ Dolby Atmos สัญญาไว้เลยล่ะ

สรุป

เทคโนโลยี Dolby Atmos ช่วยยกระดับความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงบนมือถือ Android ที่รองรับได้อย่างน่าทึ่งเลยนะ การเปิดใช้งานทำได้ง่ายๆ แค่เข้าไปที่การตั้งค่าเสียงเฉพาะของเครื่องแล้วเปิดสวิตช์ Dolby Atmos ขึ้นมา แต่ถ้าจะใช้งานให้ดีต้องมีคอนเทนต์ที่ทำมาเฉพาะด้วย วิธีตั้งค่าอาจต่างกันไปตามแบรนด์และเวอร์ชัน Android แต่หลายเครื่องมีปุ่มลัดให้ในแผงการตั้งค่าด่วนด้วยนะ อย่าลืมคำนึงถึงข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์และคอนเทนต์ที่มีด้วยล่ะ ถ้าทำได้ครบ รับรองว่าจะได้ยินเสียงแบบสามมิติสุดอลังการ โดยเฉพาะในเกมและมีเดียต่างๆ เลยล่ะ!

สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการใช้ Dolby Atmos อาจกินแบตเร็วขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าคุณเป็นคนรักเสียงคุณภาพดี ก็คุ้มค่าแน่นอน! ลองเปิดใช้แล้วฟังเพลงโปรด ดูหนัง หรือเล่นเกมดูสิ รับรองว่าจะรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของเสียงใหม่เลยทีเดียว เอาล่ะ ไปลองเล่นกับ Dolby Atmos กันเลยดีกว่า! มีอะไรสงสัยก็ถามมาได้เลยนะ

Facebook Comments Box

Leave a Reply